เคียฟแตก! รถถังรัสเซียบุกถึงเมืองหลวงยูเครนแล้ว
กองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซีย พร้อมรถถัง ได้บุกถึงเขตกรุงเคียฟ นครหลวงของยูเครนแล้ว โดยกระทรวงกลาโหมยูเครนเปิดเผยว่า ขณะนี้ (25 ก.พ.) กองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซีย ได้บุกเข้าถึงพื้นที่เขตโอโบลอน (Obolon) ชานกรุงเคียฟ และอยู่ห่างจากอาคารรัฐสภายูเครนเพียง 9 กิโลเมตร
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างอิงการเปิดเผยของ ทางการยูเครน ระบุว่า ในวันที่สองของ การโจมตียูเครนเต็มรูปแบบ กองทัพภาคพื้นดินของ รัสเซีย เดินหน้ารุกคืบสู่ชาน กรุงเคียฟ จากทุกทิศทาง รัฐบาลยูเครนได้ประกาศเกณฑ์พลเรือนทุกคนให้จับอาวุธขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องมาตุภูมิ โดยไม่จำกัดอายุ ขณะที่รถถังรัสเซียรุกใกล้เข้ามา ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศ รวมทั้งการยิงจรวดและกระสุนปืน ทำให้มีคาดการณ์ว่า รัสเซียจะสามารถยึดกรุงเคียฟแบบเบ็ดเสร็จได้ภายในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่สองของการบุกโจมตียูเครน
รายงานข่าวระบุว่าเกิดเสียงระเบิด และเสียงปืนดังขึ้นในเมืองหลวงเคียฟอย่างต่อเนื่อง โดยทางการยูเครนเปิดเผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รัสเซียโจมตีเป้าหมายที่เป็น “พลเรือน” ของยูเครนไปแล้ว 33 จุด แต่ทางการรัสเซียยืนยันว่า ไม่มีแผนจะโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนแต่อย่างใด ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตฝ่ายยูเครนอย่างน้อย 137 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 300 คน ซึ่งมีทั้งทหารและพลเรือน
นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้หารือกับนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันนี้ (25 ก.พ.) โดยเขาเรียกร้องให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้ นายเซเลนสกียังได้หารือกับประธานาธิบดีโปแลนด์ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากชาติสมาชิกนาโต (NATO) และขอให้ช่วยนำรัสเซียเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพื่อหาทางยุติสงครามและการรุกรานครั้งนี้โดยสันติวิธี
อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียได้เกิดขึ้นแล้วจากภาวะสงคราม ไม่เพียงฝั่งยูเครนเท่านั้น รัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษเปิดเผยว่า รัสเซียเองก็เป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสียเจ้าหน้าที่ทหารจากการบุกยูเครนครั้งนี้แล้วกว่า 450 นาย กลาโหมอังกฤษระบุว่า การรุกครั้งนี้ รัสเซียไม่ได้มีเป้าหมายการรุกรานอยู่แค่ภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของยูเครนเท่านั้น แต่ยังมีแผนจะบุกยึดครองทั้งประเทศยูเครน
กองทัพยูเครนยังเปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียยังได้บุกจู่โจมมาจากทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ และได้เคลื่อนกำลังทหารเพิ่มเติมมายังกรุงเคียฟ โดยกองทัพรัสเซียได้หลีกเลี่ยงเมืองเชอร์นิกิฟ หลังเผชิญการต่อต้านจากทหารยูเครนในเมืองดังกล่าว ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ทหารรัสเซียได้ยึดรถบรรทุกของกองทัพยูเครนหลายคัน และได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นทหารยูเครนขณะที่มุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟ
ปฏิกริยาจากประชาชนในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก อาทิ มหานครนิวยอร์ก กรุงวอชิตัน ดี.ซี. และนครซานฟรานซิสโก ของสหรัฐอเมริกา กรุงปารีสของฝรั่งเศส กรุงลอนดอนของอังกฤษ รวมทั้งกรุงมอสโก และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียเอง มีประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมตัวประท้วงต่อต้านสงครามและการกระทำของรัสเซีย
ข้อมูลอ้างอิง
