ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 16 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ซึ่งตรงกับเช้าวันนี้ (17 มี.ค.) เวลาไทย โดยระบุว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงเร่งตัวขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงภาวะไร้สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ อันเป็นผลมาจากโรคระบาด ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง
การที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนนั้น กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งประชาชนและเศรษฐกิจ และยังส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนที่สูงมาก โดยคาดว่าในระยะใกล้นี้ การรุกรานยูเครนและเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว และเมื่อพิจารณาถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสม คณะกรรมการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% และตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% และคาดว่าการปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในวันข้างหน้านั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม นอกจากนี้ คณะกรรมการคาดว่าจะเริ่มปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในการประชุมครั้งต่อไป
ส่วนในการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการจะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการจะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข ภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ
สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, มิเชล ดับเบิลยู โบวแมน, ลาเอล เบรนาร์ด, เอสเธอร์ แอล จอร์จ, แพทริค ฮาร์เกอร์, ลอเร็ตตา เจ เมสเตอร์ และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์
ส่วนผู้ที่โหวตคัดค้านการดำเนินนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้คือนายเจมส์ บูลลาร์ด เนื่องจากเขาต้องการให้เฟดปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.50% สู่ระดับ 0.50-0.75%
ทั้งนี้ กำหนดการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำปี 2565 ครั้งต่อไปจนถึงสิ้นปี จะมีอีก 6 ครั้ง ดังนี้