นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐคืนวานนี้ (21 มี.ค.) ตามเวลาไทย ระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และ อัตราเงินเฟ้อ ก็อยู่ในระดับ “สูงเกินไป” ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงอาจจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
นายพาวเวลล์ยังกล่าวด้วยว่า ยิ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสม เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง “เราจะทำ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายแบบคุมเข้มมากกว่าที่เคยดำเนินการมา"
ประธานเฟดกล่าวว่า สถานการณ์ด้านเงินเฟ้อย่ำแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งหมายถึงการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แม้ในช่วงก่อนที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะปะทุขึ้น นายพาวเวลล์ยังเตือนด้วยว่า ผลกระทบของสงครามและการที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย อาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐเช่นกัน
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า ผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นทั่วโลก รวมทั้งสงครามและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต่างประเทศและจะยิ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานตกอยู่ในภาวะชะงักงันมากขึ้นอีก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะลุกลามบานปลายมาถึงเศรษฐกิจสหรัฐด้วย
ก่อนหน้านี้ ในการประชุมครั้งล่าสุด (15-16 มี.ค.) ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 เจ้าหน้าที่เฟดยังคาดการณ์ด้วยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งๆละ 0.25% ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในช่วงปลายปี
สำหรับกำหนดการประชุมของ FOMC ประจำปี 2565 อีก 6 ครั้งที่เหลือ มีดังนี้