นายไบรอัน อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัทคอยน์เบส โกลบอล อิงค์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี จากสหรัฐอเมริกา กล่าววานนี้ (7 เม.ย.) ว่า คอยน์เบส มีแผนจะเพิ่มจำนวนพนักงานใน อินเดีย อีกกว่า 3 เท่าในปี 2565 นี้ สู่ระดับ 1,000 คน
ในการประชุมคอยน์เบสที่เมืองเบงกาลูรู ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของอินเดีย นายอาร์มสตรองกล่าวว่า ขณะนี้ลูกค้าสามารถใช้ระบบอินเทอร์เฟซการชำระเงินแบบครบวงจร (Unified Payments Interface หรือ UPI) ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินด่วนทั่วประเทศอินเดีย เพื่อซื้อคริปโตเคอร์เรนซีได้โดยตรงบนแพลตฟอร์มของคอยน์เบส
นายอาร์มสตรองยังกล่าวถึงการลงทุนในอินเดียว่า จะเป็นลงทุนในระยะยาว แผนการขยายธุรกิจคอยน์เบสในอินเดียนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคู่แข่งในท้องถิ่นเกี่ยวกับโครงสร้างการเก็บภาษีแบบใหม่ของอินเดียที่เข้มงวดเกินไป โดยรัฐบาลอินเดียเรียกเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย (TDS) ในอัตรา 1% สำหรับการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดที่เกินขนาดที่กำหนด ซึ่งกลุ่มผู้บริหารเตือนรัฐบาลว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ตลาดขาดสภาพคล่องที่จำเป็น
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ใช้คริปโตเคอร์เรนซีประจำประมาณ 15 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบที่เข้มงวด นับตั้งแต่ศาลฎีกายกเลิกคำสั่งของธนาคารกลางที่ห้ามหน่วยงานที่ได้รับการควบคุม ไปทำงานร่วมกับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคำสั่งดังกล่าวเริ่มบังคับใช้ในปี 2563
ผลการวิจัยจากบริษัทที่ปรึกษา Kantar ในอังกฤษเมื่อปลายปี 2564 พบว่า 16% ของคนเมืองในอินเดียเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัล และส่วนใหญ่เป็นผู้ชายในวัยไม่เกิน 35 ปีที่ยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่ากลุ่มคนที่ฝากเงินในธนาคาร โดยพวกเขาจะลงทุนก้อนเล็กๆ เฉลี่ย 30,000 รูปี หรือราว 13,312 บาท และสกุลเงินที่นิยมคือ Bitcoin ตามด้วย Dogecoin, Ethereum และ Binance
ตัวเลขผู้ที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัลในอินเดียซึ่งมีจำนวนกว่า 15 ล้านคนถือว่าน่าแปลกใจมาก ท่ามกลางสภาวะการควบคุมอย่างเข้มงวดของรัฐ โดยเฉพาะเมื่อปี 2561 ธนาคารกลางอินเดียประกาศแบนสกุลเงินดิจิทัลเป็นช่วงสั้นๆ ต่อมารัฐบาลยังเสนอแผนแบนสกุลเงินดิจิทัลโดยห้ามถือครอง ขุด เทรด หรือทำธุรกรรมใดๆ เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดเมื่อต้นปี 2563 ทว่าสุดท้ายไม่ได้นำเข้าสภา
และแม้ว่า เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียจะประกาศแผนออกเงิน “รูปีดิจิทัล” โดยมีธนาคารกลางอินเดียหนุนหลังให้สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่สกุลเงินคริปโตฯอื่น ๆ รวมถึงบิตคอยน์ , อีเธอร์เรียม และ NFT ก็ยังมีสถานะที่ไม่ได้รับการรับรองอยู่ดี นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังมีแผนเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับกำไรจากสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีอีกด้วย ในขณะที่การสูญเสียจากธุรกรรมดิจิทัลจะไม่ได้รับการชดเชยกับรายได้อื่น
นิรมลา สิธารามัน รัฐมนตรีคลังอินเดียเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจะเปิดตัว "รูปีดิจิทัล" ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนภายในสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า (2566)