ศึกแดงเดือด ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่เอกเกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีคิวเตะกลางสัปดาห์นี้ วันที่ 20 เม.ย. เวลา 02.00 น. หรือ ตี 2 ของข้ามคืนวันที่ 19 เม.ย. นั่นเอง
"แดงเดือด" นัดนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูล ที่กำลังคั่ว 4 แชมป์ เปิดแอนฟิลด์ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ 3 วันดี 4 วันไข้ แต่ก็แอบหวังใจจะได้ไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีหน้า
หงส์แดง-ลิเวอร์พูล เจ้าบ้านเปิดสนามแอนฟิลด์ ในช่วงที่ฟอร์มร้อนแรงอย่างมาก มีลุ้นถึง 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ เพิ่งคว้าชัยเหนือเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี้ ในเกมเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศมาหมาดๆ อย่างสวยหรู 3 ประตูต่อ 2 ทะลุเข้าไปตัดเชือกกับเชลซีในนัดชิง
เจ้าบ้านหงส์แดงมี 73 คะแนน จากการลงเตะ 31 นัด หากชนะแมนยูได้จะคว้า 3 แต้ม หรือ กระทั่งเสมอมีแต้มเดียว ประตูได้เสียที่ตุนไว้เยอะ ก็จะแซงแมนซิตี้ ไปเป็นหัวตารางเป็นการชั่วคราว
กดดันแมนซิตี้ ที่มีคิวเตะทีหลัง วันที่ 21 เม.ย. ให้มีทางเลือกเดียวคือต้องชนะไบร์ทตัน ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝัก
สถิติแดงเดือด นัดนี้ถือเป็นการพบกันในลีกครั้งที่ 178 แต่โดยรวมแล้วพบกันมา 237 นัดในทุกรายการ ลิเวอร์พูล ชนะ 79 นัด ส่วนแมนฯ ยู ชนะ 89 นัด เสมอ 68 เกม
ถ้านับเฉพาะพรีเมียร์ลีก 59 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 18 นัด แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 28 นัด และเสมอกันไป 14 นัด
แต่สถิติที่ชาวหงส์แดงน่าจะกรุ้มกริ่มได้ หน่อย ก็ตรง 6 นัดหลังในทุกรายการ ลิเวอร์พูล ไม่เคยแพ้ให้กับแมนยูที่สนามแอนฟิลด์ได้เลย ชนะ 3 เสมอ 3
ครั้งล่าสุดที่แมนยูบุกมาชนะที่แอนฟิลด์ได้ ก็ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมปี 2016 ด้วยสกอร์ 1-0 จากประตูชัยของ เวย์น รูนี่ย์
ผลงานลิเวอร์พูล 5 นัดหลังสุด ในฤดูกาลนี้
ฟากฝั่งทีมเยือนปีศาจแดง คงจำภาพวันที่เปิดโอลแทรฟฟอร์ด ศึกแดงเดือดครึ่งฤดูกาลแรก ให้ทีมเยือนยำใหญ่ 5-0 คาบ้าน
เกมนี้แมนยูมีเป้าหมายที่จะคว้า 3 คะแนน ขึ้นไปกดดันสเปอร์เข้าใกล้อันดับ 4 เพื่อชิงโควต้ายูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกไปให้ได้ แต่ทว่าคงเป็นงานยาก เพราะ 3 นัดหลังสุด เสมอเลสเตอร์มา 1-1 แพ้เอฟเวอร์ตันที่กำลังหนีตาย 1-0 และล่าสุดชนะนอริชทีมบ๊วยแบบเฉียดฉิว 3-2
ผลงาน 5 นัดหลังสุดแมนฯ ยู