ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกรายงานเตือน โลกจะพบกับภาวะ ราคาอาหารและสินค้า ที่ปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ โดยระบุว่า สงครามที่ยืดเยื้อ ระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งยังสร้างความเสียหายต่อระบบการค้า การผลิต และการอุปโภคบริโภคทั่วโลก
ธนาคารโลกเปิดเผยรายงาน "แนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์” (Commodity Markets Outlook) เมื่อวันอังคาร (26 เม.ย.) ระบุว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกอาหารซึ่งผลิตโดยรัสเซียและยูเครนนั้น ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ราคาปุ๋ยซึ่งจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิต พุ่งขึ้นรุนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา
รายงานของธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ราคาพลังงานจะพุ่งขึ้นกว่า 50% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2566 และ 2567
ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และเพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับระดับในปี 2564 จากนั้น คาดว่าราคาจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ 92 ดอลลาร์ในปี 2566 แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ราคายังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนราคาสินค้านอกกลุ่มพลังงาน อาทิ สินค้าโภคภัณฑ์และโลหะ คาดว่าจะพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในปี 2565 และจะลดลงในปีต่อ ๆ ไปหลังจากนั้น
ธนาคารโลกยังคาดการณ์ด้วยว่า
นอกจากนี้ ธนาคารโลกระบุว่า ในกรณีที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ หรือมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมขึ้นไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็จะพุ่งขึ้นอีก และจะมีความผันผวนมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในปัจจุบัน