สำนักข่าวซินหัว สื่อใหญ่ของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่ง รัสเซีย กล่าวในที่ประชุมเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ (18 เม.ย.) ว่า ปัจจัยลบ สำคัญสำหรับ เศรษฐกิจรัสเซีย ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ก็คือการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ซึ่งมุ่งโจมตีสถานการณ์การเงินและเศรษฐกิจในรัสเซียอย่างรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบ (economic blitzkrieg) มาตรการแซงค์ชันดังกล่าวยังปลุกปั่นความตื่นตระหนกในตลาด ทำลายระบบธนาคาร และสร้างภาวะขาดแคลนสินค้าขนานใหญ่ในร้านค้า
อย่างไรก็ตาม รัสเซียสามารถต้านทานแรงกดดันที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ โดยมูลค่าของเงินสกุลรูเบิลสามารถฟื้นคืนสู่ระดับในช่วงครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ และเงินส่วนเกินในบัญชีเดินสะพัดของดุลการชำระเงิน ก็แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่า 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.95 ล้านล้านบาท) ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ขณะเดียวกันปูตินยอมรับว่าตลอดช่วงหนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา ราคาผู้บริโภคในรัสเซียได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 และอัตราเงินเฟ้อทะยานขึ้นเป็นร้อยละ 17.5 ในช่วงปี เมื่อนับถึงวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี การคว่ำบาตรรัสเซียส่งผลเสียต่อสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรปเช่นกัน ด้วยการกระตุ้นเงินเฟ้อและการว่างงาน ทำให้พลวัตทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกอ่อนแอ ลดมาตรฐานการครองชีพ และลดมูลค่าของเงินเก็บลง
นอกจาก มาตรการคว่ำบาตร ที่มุ่งสร้างผลกระทบต่อ เศรษฐกิจรัสเซีย จะไม่ส่งผลอย่างที่คาดหมายแล้ว ชาติตะวันตกยังล้มเหลวในการกดดันให้รัสเซียยุติการโจมตียูเครนอีกด้วย โดยล่าสุดวันนี้ (19 เม.ย.) ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียได้เริ่มเปิดการโจมตีอย่างหนักเป็นระลอกสองในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศแล้ว
โดยผู้นำยูเครนเรียกการโจมตีครั้งใหม่ว่า "การสู้รบแห่งดอนบาส" (Battle of Donbas) ซึ่งกองทัพรัสเซียได้เตรียมการมาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากถอนทัพออกจากบริเวณรอบนอกกรุงเคียฟและพื้นที่ทางตอนเหนือของยูเครนไปก่อนหน้านี้
ด้านผู้บัญชาการกองกำลังของยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียกำลังมุ่งเป้าไปที่ความพยายามเข้าควบคุมพื้นที่ทั้งหมดของเมืองโดเนตสค์และลูฮันสค์ในภูมิภาคดอนบาส ขณะเดียวกัน วานนี้ มีรายงานพลเรือนเสียชีวิตจากการโจมตีในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศเพิ่มอีกอย่างน้อย 8 ราย
ส่วนที่เมืองลวิฟ ทางตะวันตกของประเทศยูเครน ถูกขีปนาวุธอย่างน้อย 5 ลูก ยิงถล่ม ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ตามอาคารบ้านเรือน มีรายงานผู้เสียชีวิต 7 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีพลเรือนเสียชีวิตในเมืองดังกล่าวและมีผู้บาดเจ็บอีก 11 คน
นายกเทศมนตรีเมืองมารีอูปอล ทางตอนใต้ของยูเครน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพลเรือนราว 4 หมื่นคน จากเมืองมารีอูปอลถูกบังคับให้อพยพไปยังรัสเซียหรือดินแดนในยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียแล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันด้วยทะเบียนราษฎร