'บอริส จอห์นสัน' รอดมติไม่ไว้วางใจปมฉาวจัดปาร์ตี้ช่วงโควิด

07 มิ.ย. 2565 | 00:03 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มิ.ย. 2565 | 07:18 น.

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษรอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจของ ส.ส.พรรคตัวเองได้อย่างไม่พลิกโผ แต่การลงคะแนนโหวตครั้งนี้บ่งชี้ว่า เกือบครึ่งของส.ส.ในพรรคเลิกให้การสนับสนุนเขาแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ รอดพ้นจาก การลงมติไม่ไว้วางใจ ของ ส.ส.พรรคของตัวเองซึ่งก็คือ พรรคอนุรักษ์นิยม เมื่อวันจันทร์(6 มิ.ย.) อย่างไม่พลิกความคาดหมาย แต่ความต่างของคะแนนที่ออกมาถือว่าน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้มาก

 

การลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจในตัวนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ในประเด็นที่เขาและสมาชิกพรรคละเมิดกฎการควบคุมโควิด-19 และจัดงานปาร์ตี้หลายครั้งที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี หรือ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิง

 

ผลคะแนนลงมติครั้งนี้ชี้ชัดว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอนุรักษ์นิยมของนายจอห์นสันโหวตสนับสนุนเขา 211 เสียง และไม่สนับสนุนถึง 148 เสียง ซึ่งหมายความว่า ส.ส.ของพรรครัฐบาลเกือบครึ่ง ไม่สนับสนุนนายจอห์นสันอีกแล้ว หลังจากที่เขาได้นำพาพรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลายเมื่อ 3ปีที่ผ่านมา

นายบอริส จอห์นสัน แม้รอดมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ แต่ก็มีอุปสรรคอีกหลายด่านรออยู่

รายงานระบุว่า การลงมติไม่ไว้วางใจเริ่มขึ้นในเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากจอห์นสันเรียกร้องให้ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมสนับสนุนเขาต่อไป พร้อมย้ำเตือนว่า ตัวเขานั้นเป็นผู้นำพาพรรคให้ชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี

รายงานข่าวระบุว่า  แม้ว่านายจอห์นสันจะได้รับชัยชนะในการโหวตไม่ไว้วางใจ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะพ้นวิกฤติ เพราะเสียงสนับสนุนที่เขาได้รับน้อยกว่าเสียงสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ เมื่อครั้งที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ เมื่อปี 2561 เสียอีก ซึ่งครั้งนั้นเมย์รอดการลงมติไม่ไว้วางใจ แต่เธอก็ต้องลาออกในอีก 6 เดือนถัดมา เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนในรัฐสภา

 

นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังต้องเผชิญความท้าทายในอีกสนาม นั่นคือการเลือกตั้งซ่อม 2 เขตในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่แทนที่ ส.ส.พรรคอนุรักษนิยม 2 คนที่ถูกบีบให้ลาออกเพราะเรื่องอื้อฉาวของตัวเอง ซึ่งหากผลลัพธ์ออกมาน่าผิดหวัง จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้แก่นายจอห์นสันมากขึ้นไปอีกก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ทั่วประเทศใน 2 ปีข้างหน้า (2567)