นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าววานนี้ (9 มิ.ย.)ว่า หากตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของ ECB ในเดือนก.ย.ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นไม่ต่ำกว่า 2.1% ในปี 2567 ทาง ECB ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในเดือนก.ย.นี้
ประธาน ECB กล่าวหลังการประชุมนโยบายการเงินว่า มีความจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง และมุ่งมั่นในการควบคุมเงินเฟ้อ โดย ECB จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ รวมทั้งเครื่องมือใหม่ ๆ หากมีความจำเป็น เพื่อรักษาเอกภาพในตลาดพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซน ขณะที่ ECB เริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งแรง
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวันพฤหัสฯ (9 มิ.ย.) โดยคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% นับเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
อย่างไรก็ตาม ECB ได้ส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ โดยส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุว่า ECB มีความประสงค์ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนก.ย. ซึ่งหากเงินเฟ้อในระยะกลางยังคงมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อไป ECB ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในเดือนก.ย. ส่วนหลังจากนั้นไปแล้ว ECB จะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ขณะเดียวกัน ECB มีมติจะยุติการซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ Asset Purchase Programme (APP) ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่ระบุไว้ก่อนหน้า โดยจะปูทางสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อในยูโรโซนที่พุ่งแตะระดับ 8.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 และสูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
คาดเงินเฟ้อยูโรโซนปีนี้เฉลี่ยที่ 6.8% ฉุด GDP โตเพียง 2.8%
นอกจากนี้ ECB ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ และปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนด้วย โดย ECB คาดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 6.8% ในปี 2565 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 3.5% และ 2.1% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ECB คาดว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวแตะ 5.1% ในปีนี้ (2565) ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 2.1% และ 1.9% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ECB คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 2.8% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.1% ทั้งในปี 2566 และ 2567 นับว่าเป็นการปรับลดลงมาก เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ซึ่ง ECB คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 3.7% ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 2.8% และ 1.6% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ