ชาวอเมริกันจำนวนมากได้มารวมตัวประท้วงวันนี้ (15 มิ.ย.) ที่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในกรุงวอชิงตัน ขณะที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) กำลังประชุมนโยบายการเงินและมีกำหนดแถลงมติการประชุมในวันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) โดยกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้เฟดพิจารณาถึงผลกระทบของการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มีต่อต้นทุนค่าครองชีพของประชาชน
กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งสวมเสื้อยืดสีเขียวและประกาศตนเองว่าเป็น "กลุ่มผู้ปกป้องนโยบายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ (Full-Employment Defenders)" ได้ร้องตะโกนและโบกป้ายที่เขียนตัวหนังสือว่า "We are the economy" ที่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่ของเฟด ในขณะที่คณะกรรมการเฟดยังประชุมกันอยู่ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงกล่าวว่า ขณะนี้ค่าจ้างปรับตัวสูงขึ้นและตลาดแรงงานของสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งชาวอเมริกันควรจะได้ประโยชน์จากปัจจัยเหล่านี้ แต่การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ต้นทุนการดำรงชีวิตพุ่งขึ้น และทำให้ประชาชนสูญเสียประโยชน์ดังกล่าว
นอกจากนี้ ประชาชนที่มีความเสี่ยงจะตกงานในช่วงที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้น มักจะเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี
เบนจามิน ดัลชิน หัวหน้ากลุ่ม "Fed Up Campaign at the Center for Popular Democracy" ซึ่งเป็นผู้จัดการชุมนุมประท้วงในครั้งนี้กล่าวว่า ในขณะที่การสร้างเสถียรภาพด้านราคาเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของเฟด การจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพก็มีความสำคัญเช่นกัน
ที่ผ่านมานั้น เฟดตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายทั้งในการสร้างเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ อย่างไรก็ดี การที่อัตราว่างงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่เฟดหันไปมุ่งเน้นการควบคุมเงินเฟ้อซึ่งขณะนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี
นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอัตราสูงถึง 0.75% ในการประชุม FOMC เดือนนี้ (14-15 มิ.ย.) ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราแรงกว่าที่มีคาดการณ์ไว้เดิมที่อัตรา 0.50%
สำหรับ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดประจำปี 2565 ครั้งต่อไป มีกำหนดดังนี้
วันที่ 26-27 ก.ค.
วันที่ 20-21 ก.ย.
วันที่ 1-2 พ.ย.
วันที่ 13-14 ธ.ค.