สัปดาห์นี้ นับเป็นช่วงเวลาแห่ง การประท้วงและนัดหยุดงาน ในประเทศแถบยุโรป โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชาว อังกฤษ จะเผชิญกับภาวะชะงักงันของเครือข่ายเดินรถไฟเป็นวงกว้างหลัง สหภาพแรงงานรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่ง (RMT) ประสบความล้มเหลวใน การเจรจาปรับค่าแรง รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการปรับลดการจ้างงาน
โฆษก RMT เปิดเผยว่า การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงแผนการประท้วงหยุดงานของคนงานมากกว่า 50,000 คนนั้นประสบความล้มเหลว โดยผู้ประกอบการเดินรถไฟ และ RMT ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นการระงับการปรับขึ้นค่าแรง และการปรับลดการจ้างงาน นั่นหมายความว่า จะเกิดการผละงานประท้วง (stike) ในวันที่ 21, 23 และ 25 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ได้มีการวางแผนไว้
ข่าวระบุว่า นี่จะเป็นการผละงานประท้วงครั้ง “ใหญ่ที่สุด” ของอุตสาหกรรมรถไฟอังกฤษในรอบกว่า 30 ปี
แถลงการณ์ของ RMT บนทวิตเตอร์ระบุว่า แม้ผู้เจรจาจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งได้ ดังนั้น RMT จึงจำเป็นต้องผละงานประท้วงไปตามที่กำหนดไว้เอาไว้
ด้านผู้ประกอบการรถไฟออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาวางแผนจะลดเวลาการเดินรถไฟลงอย่างมาก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งในวันที่มีการผละงานประท้วง จึงได้เตือนผู้โดยสารให้หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นในช่วงสัปดาห์นี้
การประท้วงใหญ่อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นที่ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม วานนี้ (20 มิ.ย.) ผู้ใช้แรงงานเบลเยียมประมาณ 70,000 คนออกมาเดินประท้วงราคาสินค้าในชีวิตประจำวันที่ทะยานสูงขึ้น พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาทันที ขณะที่รัฐบาลกรีซ เจอม็อบชุมนุมประท้วงเช่นกัน จึงประกาศเตรียมให้เงินอุดหนุนครัวเรือนซื้อแอร์-ตู้เย็นใหม่ หวังช่วยประชาชนลดค่าไฟฟ้า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การชุมนุมประท้วงในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมครั้งนี้ มีขึ้นที่สนามบินบรัสเซลส์และตามเครือข่ายขนส่งทั่วประเทศ ส่งผลให้บริการขนส่งสาธารณะต้องชะงักไปด้วย โดยสนามบินบรัสเซลส์ได้ยกเลิกเที่ยวบินขาออกทั้งหมด เนื่องจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็มีบุคลากรบางรายร่วมประท้วงด้วย ขณะที่เที่ยวบินขาเข้าส่วนใหญ่ก็ถูกยกเลิกด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงครั้งนี้ มีขึ้นหลังอัตราเงินเฟ้อของเบลเยียมพุ่งแตะ 9% ในเดือนมิ.ย.โดยมีสาเหตุหลักจากการที่รัสเซียบุกยูเครนจนกระทบต่อซัพพลายเชน ราคาพลังงาน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ส่วนเหตุการณ์ใน กรีซ นั้น หลังจากที่ภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเดินขบวนประท้วง ทางกระทรวงพลังงานกรีซก็ได้ประกาศแผนให้เงินอุดหนุนวงเงินรวมประมาณ 150 ล้านยูโรเพื่อช่วยภาคครัวเรือนซื้อตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศใหม่มาใช้แทนของเก่า เพื่อลดค่าไฟเนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ประหยัดพลังงานมากกว่า
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกรีซ แถลงออกอากาศทางโทรทัศน์ว่า ครัวเรือนกรีซจะมีสิทธิซื้อเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น หรือตู้แช่แข็งโดยรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเครื่องละ 30-50% ได้สูงสุด 3 เครื่อง โดยต้องเป็นเครื่องใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น
รัฐบาลกรีซคาดว่า แผนการนี้ จะช่วยครัวเรือนลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 40% ทั้งยังช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและก๊าซได้ถึงปีละ 40 ล้านยูโรด้วย