thansettakij
บันทึกลับของ Anne Frank รำลึก 75 ปี “ที่ใดมีความหวัง ที่นั่นมีชีวิต”

บันทึกลับของ Anne Frank รำลึก 75 ปี “ที่ใดมีความหวัง ที่นั่นมีชีวิต”

26 มิ.ย. 2565 | 02:03 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2565 | 15:54 น.

25 มิ.ย. 65 เป็นวันครบรอบ 75 ปีการตีพิมพ์หนังสือบันทึกลับของ Anne Frank เรื่องราวของเด็กสาวเหยื่อสงครามนาซี เจ้าของบันทึกลับชื่อดังก้องโลกที่ถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างการซ่อนตัวจากการสังหารหมู่ชาวยิว ที่สร้างทั้งความสะเทือนใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนในเวลาต่อมา

บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank) เด็กสาวที่เปี่ยมด้วยความหวังในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เจ้าของวลี “ที่ใดมีความหวัง ที่นั่นมีชีวิต” มีการตีพิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกในปี 1947 (พ.ศ.2490) ทำให้โลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม ความยากลำบากของคนยุโรปเชื้อสายยิวในยุคนั้น รวมทั้งความหวังของพวกเขา ไดอารี่หรือบันทึกของ แอนน์ แฟรงค์ ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือกว่า 70 ภาษาและมียอดขายมากกว่า 30 ล้านเล่ม กูเกิลดูเดิล ร่วมรำลึก 75 ปีของการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นภาพกราฟิกเรียบง่ายแต่สวยงามสะดุดตา ใครที่ได้เข้าอินเทอร์เน็ตเปิดหน้าโฮมของกูเกิลคงได้เห็นกันไปแล้ว

 

บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เรื่องราวที่ถ่ายทอดจากบันทึกประจำวันของเธอในช่วงที่ชีวิตต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตครั้งใหญ่ ทำให้โลกต้องหม่นหมองกับการได้รับรู้ผลกระทบที่เลวร้ายของสงคราม แต่ขณะเดียวกันทัศนคติของแอนน์ แฟรงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อของสงครามนาซี กลับสร้างความหวังพลังใจให้กับผู้คนได้อย่างมากมาย

ต้นฉบับของบันทึกนั้นเป็นภาษาดัตช์ ต้นฉบับของบันทึกนั้นเป็นภาษาดัตช์

แอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank) เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1929 ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อพรรคนาซีเริ่มมีอำนาจในเยอรมนี และมีการเลือกปฏิบัติ-ใช้ความรุนแรงต่อชาวยิวและประชาชนที่มีเชื้อสายยิว  ครอบครัวของเธอก็โยกย้ายหนีภัยคุกคามดังกล่าวไปยังเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เช่นเดียวกับชาวยิวคนอื่น ๆ อีกกว่า 25,000 ชีวิต จนกระทั่งค.ศ. 1940 กองทัพเยอรมนีบุกเนเธอร์แลนด์ ชาวยิวหลายล้านต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมอย่างไร้มนุษยธรรม พวกเขาถูกจำคุก ประหารชีวิต หรือถูกส่งไปยังค่ายกักกันที่ไร้มนุษยธรรม บางส่วนเลือกที่จะหนีออกจากบ้านหรือไปซ่อนตัวในสถานที่ต่าง ๆ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย  

 

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1942 ครอบครัวของแอนน์ แฟรงค์ หลบหนีไปซ่อนตัวในห้องลับใต้หลังคาของบริษัทพ่อเธอ ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์แคบ ๆ สองชั้นและมีห้องใต้หลังคาอีกหนึ่งชั้น ทั้งเจ็ดคนใช้ชีวิตในห้องนั้นเงียบ ๆ ในเวลากลางวัน และฟังข่าวสารจากวิทยุในตอนกลางคืน โดยมีบุคคลภายนอกไม่กี่คนคอยให้ความช่วยเหลือและแอบนำเสบียงอาหารมาให้ ท่ามกลางความแร้นแค้นดังกล่าว ปีที่แอนน์มีอายุครบวันเกิด 13 ปี เธอได้รับของขวัญวันเกิดเป็นสมุดบันทึกปกแข็งที่เธอใช้บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ประจำวัน โดยไม่รู้เลยว่า เรื่องราวบันทึกของเธอต่อจากนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

ปกฉบับภาษาอังกฤษ ปกฉบับภาษาอังกฤษ

 

ตลอดเวลา 25 เดือนที่ต้องหลบซ่อนตัว แอนน์ แฟรงค์ เติมเต็มช่องว่างลงในสมุดบันทึกเล่มนั้นด้วยเรื่องราวความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักเขียนของเธอเอง เรื่องราวการใช้ชีวิตประจำวัน ความชอบ-ไม่ชอบสิ่งต่าง ๆ ความคิด ความเชื่อ และความรู้สึกของต่อเรื่องราวที่ต้องเผชิญ หนึ่งในข้อความที่เธอเขียนไว้ในสมุดบันทึกขณะหลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ และหวาดหวั่น แต่กลับเป็นข้อความที่ก้องดังไปทั่วโลกในเวลาต่อมา ก็คือ “ที่ใดมีความหวัง ที่นั่นมีชีวิต มันเติมเต็มความกล้าหาญและทำให้เราแข็งแกร่งอีกครั้ง” 

 

แอนน์ แฟรงค์ มีความหวังเสมอว่าเธอและครอบครัวจะได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระอีกครั้ง เธอไม่ปล่อยให้คืนวันเหล่านั้นสูญเปล่า แอนน์มักใช้เวลาช่วงบ่ายในการเขียนบันทึกหรือเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เธอสนใจอยู่เสมอ และหวังว่าบันทึกของเธอจะสามารถตีพิมพ์ได้หลังสงคราม ในชื่อเรื่อง Het Achterhuis (The Secret Annex)

 

แต่แล้วเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1944 ความฝันและความหวังทั้งหมดทั้งมวลของเธอก็ล่มสลายในพริบตา เมื่อหน่วยสืบราชการลับของนาซีค้นพบที่ซ่อนครอบครัวของแอนน์ แฟรงก์ ทั้งหมดถูกจับกุมและนำตัวไปที่ศูนย์กักกัน ถูกบังคับให้ทำงานหนัก ก่อนที่แอนน์ มาร์กอท (พี่สาว) และแม่จะถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันเอาชวิทซ์ในประเทศโปแลนด์ ส่วนคนชรา คนพิการ และเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ถูก “กำจัด” อย่างโหดเหี้ยมด้วยการรมแก๊สทันทีเมื่อถึงที่หมาย

 

พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในห้องสภาพคับแคบ สุขอนามัยย่ำแย่ ทำงานหนักและได้กินอาหารเพียงน้อยนิด เป็นเรื่องเศร้าที่แม่ของเธอเสียชีวิตในค่ายกักกัน ไม่กี่เดือนต่อมา ทั้งแอนน์และมาร์กอท (ผู้เป็นพี่สาว) ก็ถูกส่งไปยังค่ายกักกันเบอร์เกน-เบลเซ่นในเยอรมนี เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ระบาดในค่ายกักกัน มาร์กอทเสียชีวิต และหลังจากนั้นไม่นาน แอนน์ก็จากโลกตามพี่สาวไป ขณะที่อายุเพียง 15 ปี

 

กูเกิลดูเดิลรำลึก 75 ปีการตีพิมพ์หนังสือบันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา กูเกิลดูเดิลรำลึก 75 ปีการตีพิมพ์หนังสือบันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ออทโท แฟรงค์ พ่อของเธอ ซึ่งเป็นคนเดียวในครอบครัวที่รอดชีวิต ได้นำบันทึกนี้ออกเผยแพร่ต่อสาธารณะ  สำนักพิมพ์ Contact Publishing ในกรุงอัมสเตอร์ดัม นำเรื่องราวในบันทึกดังกล่าวมาตีพิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกในปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ.2490) ใช้ชื่อเรื่องในภาษาดัตช์ว่า Het Achterhuis: Dagboekbrieven van 12 Juni 1942 – 1 Augustus 1944 (หรือ ห้องลับ : บันทึกประจำวันตั้งแต่ 12 มิถุนายน 1942 - 1 สิงหาคม 1944)

 

หนังสือเล่มนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์โดยกว้างขวางและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วหลังจากฉบับแปลภาษาอังกฤษที่ออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 1952 ใช้ชื่อว่า Anne Frank: The Diary of a Young Girl พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Doubleday & Company ในสหรัฐอเมริกา และโดยสำนักพิมพ์ Vallentine Mitchell ในอังกฤษ ปัจจุบันหนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังสือยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 20

 

แม้ว่าแอนน์ แฟรงค์ จะเป็นหนึ่งในเหยื่อโศกนาฏกรรมแสนโหดร้ายในครั้งนั้น แต่เรื่องราวของเธอซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ “บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์” ได้กลายเป็นงานวรรณกรรมที่มีคนอ่านกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นเรื่องราวที่ย้ำเตือนเสมอว่า สงครามนั้นโหดร้ายกับมนุษยชาติมากแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม "ความหวัง" ก็ยังคงเป็นสิ่งมีค่ามากที่สุดสำหรับมนุษย์ตราบที่ชีวิตยังมีลมหายใจ