หลังประสบ ปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง อย่างรุนแรงในขณะนี้เนื่องจากไม่มี เงินตราต่างประเทศ มากพอที่จะชำระ การนำเข้าน้ำมัน รัฐบาล ศรีลังกา ซึ่งเพิ่งได้นายรานิล วิกรมสิงเห อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาเป็นนายกฯ นั่งตำแหน่งเดิมอีกครั้งเมื่อเดือนพ.ค. ต้องเร่งหาความช่วยเหลือจากต่างชาติมือเป็นระวิง เพื่อบรรเทา วิกฤตพลังงาน เฉพาะหน้า
โดยล่าสุด ศรีลังกาได้ส่งรัฐมนตรีพลังงานไปเยือนประเทศกาตาร์เมื่อวันอังคาร (28 มิ.ย.) และเตรียมส่งรัฐมนตรีอีกหนึ่งคนไปยังรัสเซียในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อเจรจาข้อตกลงซื้อพลังงานจากสองประเทศดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศรีลังกากำลังเผชิญวิกฤติทางเศรษฐกิจและการเงินขั้นรุนแรง ซึ่งทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศร่อยหรอลง สร้างความลำบากในการนำเข้าสินค้าจำเป็นต่าง ๆ รวมทั้ง อาหาร ยารักษาโรค และพลังงานเชื้อเพลิง ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นนำไปสู่การเดินขบวนประท้วงรัฐบาลในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
อีกหนึ่งหนทางในการแก้ไขวิกฤตพลังงาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของศรีลังกากล่าววานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า จะยกเลิกระบบผูกขาดการนำเข้าน้ำมัน และจะอนุญาตให้บริษัทพลังงานจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สามารถเข้ามาลงทุนในตลาดศรีลังกาได้ เพื่อจัดหาเชื้อเพลิงที่จำเป็นให้แก่ประชาชนได้อย่างพอเพียง
เชื้อเพลิงหมดประเทศ เหลือไม่พอใช้สำหรับหนึ่งวัน
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นายกันจนา วิเจเสเกรา รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เดินทางไปประเทศกาตาร์เพื่อเจรจาข้อตกลงซื้อน้ำมัน ขณะที่นายสุศิล เปรมาจายานธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะเดินทางไปรัสเซียในวันอาทิตย์นี้ (3 ก.ค.) โดยหวังว่าจะสามารถจัดทำสัญญาซื้อขายน้ำมันในระยะยาวกับสองประเทศนี้ได้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลศรีลังกากำลังเจรจากู้ยืมเงินกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และยัง ขอความช่วยเหลือด้านการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากประเทศคู่ค้าสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย อินเดีย จีน และญี่ปุ่น
แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามในสหภาพแรงงานบรรษัทปิโตรเลียมซีลอน (Ceylon Petroleum Corporation Trade Union) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (27 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้ทั่วประเทศศรีลังกามีปริมาณน้ำมันเบนซินเหลือเพียง 1,100 ตัน และน้ำมันดีเซล 7,500 ตัน ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับใช้ในหนึ่งวัน
ขณะที่รอยเตอร์รายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังกาผู้หนึ่ง ระบุว่า ศรีลังกาเหลือน้ำมันเบนซินและดีเซลรวมกันเพียง 15,000 ตันสำหรับใช้ในกิจการที่จำเป็นอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่วันข้างหน้าเท่านั้น
เดลีมิร์เรอร์ (Daily Mirror) สื่อท้องถิ่นของศรีลังกา รายงานว่า หากไม่มีการส่งเชื้อเพลิงมาเพิ่ม ศรีลังกาจะต้องอยู่ในสภาวะไร้เชื้อเพลิงอย่างสิ้นเชิงภายในสัปดาห์นี้ โดยเชื่อว่าระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ จะต้องยุติการให้บริการ และประชาชนทั่วประเทศจะไม่สามารถใช้ยวดยานพาหนะต่าง ๆ ได้
สื่อดังกล่าวยังรายงานด้วยว่า ปัจจุบันศรีลังกาถูกขึ้นบัญชีดำโดยบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ ต้องใช้วิธีขอการรับรองจากธนาคารต่างชาติสำหรับคำสั่งซื้อเชื้อเพลิงล็อตใหม่จากศรีลังกา
หันมองตัวเลขเศรษฐกิจยิ่งน่าเป็นห่วง
รอยเตอร์รายงานอ้างอิงตัวเลขทางเศรษฐกิจของทางการศรีลังกาเมื่อวันอังคาร (28 มิ.ย.) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ของประเทศที่มีประชากร 22 ล้านคนแห่งนี้
เศรษฐกิจศรีลังกาหดตัวลง 1.6% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงไปอีก 5% ในไตรมาสที่สอง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลศรีลังกาตัดสินใจปิดโรงเรียนเป็นเวลาสองสัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันอังคาร (28 มิ.ย.) และระงับการขายน้ำมันให้กับรถยนต์ส่วนตัวเป็นเวลาสองสัปดาห์เช่นกัน ภายใต้ข้อยกเว้นคือจะอนุญาตขายน้ำมันให้แก่บริการที่จำเป็นต่อประชาชนเท่านั้น เช่น รถสาธารณสุข รถไฟและรถโดยสารประจำทาง เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำรองที่เหลืออยู่นั้นเพียงพอใช้ไปอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หากใช้ในปริมาณปกติ
จะฟื้นชีพอย่างไรหลังเศรษฐกิจล่มสลาย
โฆษกรัฐบาลศรีลังกาประกาศขอให้ประชาชนทำงานจากบ้านให้มากขึ้น ในขณะที่พลเมืองทั่วไปต่างพยายามหาโอกาสหนีไปอาศัยในต่างประเทศมากขึ้นหากพวกเขาพอจะทำได้ ทำให้ความต้องการพาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทาง พุ่งสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนศรีลังกามากกว่า 20 คน ถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับไว้ได้ขณะที่พยายามเดินทางออกหนีนอกประเทศด้วยเรือขนาดเล็ก และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 มิ.ย.) ทหารเรือศรีลังกาสามารถจับกุมพลเรือนถึง 47 คน รวมทั้งเด็ก 7 คน บริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตก ขณะที่พวกเขาพยายามลักลอบเดินทางด้วยเรือเพื่ออพยพหนีความแร้นแค้นไปยังประเทศออสเตรเลีย