ธนาคารกลางศรีลังกา (CBSL) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ Standing Lending Facility Rate) และดอกเบี้ยเงินฝาก (Standing Deposit Facility Rate ) 1.00% สู่ระดับ 15.50% และ 14.50% ตามลำดับ และเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2544
ทั้งนี้เพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 54.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารพุ่งแตะระดับ 80.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิถุนายน
ธนาคารกลางศรีลังกา คาดว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้จะช่วยให้การคาดการณ์เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายในระยะกลาง ขณะเดียวกันก็จะช่วยควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากการพุ่งขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ
ประเทศศรีลังกาซึ่งมีประชากร 22 ล้านคนกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนสกุลเงินต่างประเทศที่ต้องใช้ในการชำระค่าสินค้านำเข้าที่จำเป็น เช่น เชื้อเพลิง ปุ๋ย อาหาร และยารักษาโรค
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีศรีลังกายอมรับว่า เศรษฐกิจศรีลังกาได้ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว และการทำข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้ศรีลังการอดพ้นวิกฤต โดยศรีลังกาจำเป็นต้องใช้เงิน 6 พันล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เพื่อเพิ่มเงินทุนสำรอง, ชำระหนี้สินค้านำเข้ามูลค่ามหาศาล และสร้างเสถียรภาพให้กับค่าเงิน