"เซลเซียสฯ" บิ๊กปล่อยกู้คริปโต ยื่นล้มละลายตามรอย “วอยเอเจอร์ ดิจิทัล”

14 ก.ค. 2565 | 04:42 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ค. 2565 | 12:02 น.

ล้มตามกันเป็นโดมิโน "เซลเซียส เน็ตเวิร์ก" เป็นบริษัทในแวดวงสินทรัพย์คริปโตรายล่าสุด ที่ต้องยื่นล้มละลายวานนี้ (13 ก.ค.) หลังจากกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา "วอยเอเจอร์ ดิจิทัล" โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ เพิ่งยื่นล้มละลายหลังถูกเบี้ยวนัดชำระหนี้ 670 ล้านดอลลาร์ 

บริษัทเซลเซียส เน็ตเวิร์ก (Celsius Network) หนึ่งใน บริษัทปล่อยกู้คริปโตเคอร์เรนซี รายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ยื่นคำร้องต่อศาลในนิวยอร์กขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายสหรัฐ หลังจากบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะผันผวนใน ตลาดคริปโต ซึ่งทำให้หลายบริษัทในวงการคริปโต ประกาศล้มละลาย ไปแล้วก่อนหน้านี้

 

เซลเซียสออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (13 ก.ค.) ว่า ทางบริษัทกำลังมองหาแนวทางในการสร้างเสถียรภาพของธุรกิจโดยใช้วิธีการปรับโครงสร้าง ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน โดยขณะนี้บริษัทมีเงินสดอยู่ประมาณ 167 ล้านดอลลาร์ เพื่อพยุงกิจการให้ดำเนินได้ต่อไป

เซลเซียสฯ เป็นบริษัทคริปโตรายล่าสุดที่ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายสหรัฐ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า เซลเซียสเป็นบริษัทคริปโต ที่มีชื่อเสียงรายล่าสุดที่ตัดสินใจยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทวอยเอเจอร์ ดิจิทัล (Voyager Digital) ซึ่งเป็นโบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐได้ยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายล่วงหน้าไปแล้ว อันเป็นผลพวงความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัท ธรี แอโรว์ส แคปิตอล (Three Arrows Capital หรือ 3AC) ได้ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ที่จะต้องจ่ายให้กับวอยเอเจอร์จำนวนมากถึง 670 ล้านดอลลาร์

รายงานระบุว่า ศาลรัฐนิวยอร์กได้สั่งอายัดทรัพย์สินของบริษัท 3AC เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ทางบริษัทกำลังอยู่ในกระบวนการตัดขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามคำสั่งศาล

 

นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทคริปโตจำนวนมากได้รับความเสียหายจากการที่เหรียญสเตเบิลคอยน์ TerraUSD หรือ UST ทรุดตัวลงจนหลุดมูลค่า 1 ดอลลาร์ที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนและทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดคริปโตเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่

 

ข้อมูลอ้างอิง