จีนดาหน้าประณามผู้นำไต้หวัน ดันสถานการณ์สู่ "หายนะ"

03 ส.ค. 2565 | 07:23 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ส.ค. 2565 | 15:27 น.

‘หวัง อี้’ รมว.ต่างประเทศจีน สับแหลกสหรัฐละเมิดอำนาจอธิปไตยจีน เจตนามุ่งร้ายและยั่วยุ ไม่แยแสผลลัพธ์ที่จะมีต่อสันติภาพในภูมิภาค ขณะที่ “หม่า เสี่ยวกวง” โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะมุขมนตรีจีน ตราหน้า “ปธน.ไช่ อิงเหวิน” กำลังผลักไต้หวันสู่ “ห้วงเหวแห่งหายนะ”  

นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าววันนี้ (3 ส.ค.) ว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ตั้งใจเดินหน้าเยือน ไต้หวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ จีน อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่คำนึงถึงการคัดค้านอย่างหนักแน่นจากจีน การกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการจีนเดียวอย่างร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยของจีนอย่างมุ่งร้าย และมีส่วนส่งเสริมการยั่วยุทางการเมืองอย่างชัดเจน ซึ่งปลุกเร้าความโกรธเคืองรุนแรงในหมู่ประชาชนจีน รวมทั้งการคัดค้านอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ

 

“การกระทำเช่นนี้พิสูจน์อีกครั้งว่า เหล่านักการเมืองของสหรัฐบางส่วนกลายเป็นผู้ก่อปัญหาในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ และสหรัฐได้กลายเป็นผู้ทำลายสันติภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน และยังเป็นผู้ทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคนี้รายใหญ่ที่สุด”

นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน

นายหวัง อี้ ระบุว่า สหรัฐไม่ควรเพ้อฝันถึงการขัดขวางการรวมชาติของจีน เพราะไต้หวันถือเป็นส่วนหนึ่งของจีน การรวมชาติอย่างสมบูรณ์ของจีนเป็นกระแสธารแห่งยุคสมัยและเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงในประวัติศาสตร์ จีนจะไม่ปล่อยให้มีที่ว่างสำหรับ “กองกำลังเอกราชไต้หวัน” และการแทรกแซงจากภายนอก

ไม่ว่าสหรัฐจะสนับสนุนหรือสมคบคิดกับกองกำลัง “เอกราชไต้หวัน” อย่างไร สิ่งเหล่านั้นจะสูญเปล่าทั้งหมด และสหรัฐรังแต่จะทิ้งร่องรอยอันน่ารังเกียจของการแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ โดยประเด็นไต้หวันเกิดขึ้นยามจีนอ่อนแอและวุ่นวาย และจะจบลงด้วยการฟื้นฟูชาติอย่างแน่นอน

 

สหรัฐไม่ควรจินตนาการถึงการบ่อนทำลายการพัฒนาและการฟื้นฟูของจีน โดยจีนได้พบเส้นทางการพัฒนาอันถูกต้องตามสภาพการณ์ของชาติ และประชาชนชาวจีน 1.4 พันล้านคน กำลังก้าวสู่ความทันสมัยแบบจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC)

 

จีนกำลังซ้อมรบทั้งทางน้ำและทางอากาศในช่องแคบไต้หวัน

 

จีนได้วางการพัฒนาประเทศและชาติบนพื้นฐานความแข็งแกร่งของตนเอง และยินดีจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติและร่วมพัฒนากับประเทศอื่นๆ ทว่าจีนจะไม่มีวันยอมให้ประเทศใดมาบ่อนทำลายเสถียรภาพและการพัฒนาของประเทศ

 

การยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายในประเด็นไต้หวัน เพื่อพยายามขัดขวางการพัฒนาของจีนและบ่อนทำลายการผงาดอย่างสันติของจีนจะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง และจะนำไปสู่ความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงอย่างแน่นอน

 

ส่วนหนึ่งของกองเรือจีน

การนำประเด็นไต้หวันเข้าสู่ยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคของสหรัฐ ซึ่งทวีความตึงเครียดและกระตุ้นการปะทะ ถือเป็นการขัดขวางกระแสการพัฒนาในภูมิภาคและความคาดหวังของประชาชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งสิ่งนี้นับว่า “อันตรายและโง่เขลามาก

จีนดาหน้าประณามผู้นำไต้หวัน ดันสถานการณ์สู่ \"หายนะ\"

หลักการจีนเดียวกลายเป็นบรรทัดฐานพื้นฐานที่บริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สิ่งที่สหรัฐควรทำคือ หยุดละเมิดจุดประสงค์และหลักการดังกล่าวของกฎบัตรสหประชาชาติทันที และหยุดใช้ “ไพ่ไต้หวัน” เพื่อขัดขวางภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

 

สหรัฐไม่ควรเพ้อฝันถึงการบิดเบือนข้อเท็จจริงตามอำเภอใจ โดยฝ่ายสหรัฐอ้างว่าจีนกำลังทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทว่าข้อเท็จจริงพื้นฐานคือสหรัฐนั้นยั่วยุจีนในประเด็นไต้หวันก่อน ทั้งยังละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนอย่างโจ่งแจ้ง

 

ฝ่ายสหรัฐอ้างว่าเคยมีกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมาเยือนไต้หวันแล้วก่อนหน้านี้ ทว่าข้อเท็จจริงพื้นฐานคือความผิดพลาดในอดีตนั้น ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อทำผิดพลาดซ้ำในปัจจุบัน นอกจากนี้ การอ้างว่าไม่สามารถยับยั้งสภาผู้แทนราษฎรได้ เนื่องด้วยหลักการแบ่งแยกอำนาจ ทว่าบรรทัดฐานพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศระบุว่า สหรัฐต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศของตน และกลุ่มนักการเมืองคนสำคัญมิควรประพฤติตัวไม่เหมาะสม

 

สหรัฐอ้างว่าความพยายามรวมชาติของจีนเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อไต้หวัน ทว่าตรรกะพื้นฐานก็คือไต้หวันเป็นส่วนที่มิสามารถแบ่งแยกได้ของดินแดนจีน และประเด็นไต้หวันถือเป็นกิจการภายในของจีนเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องชอบด้วยกฎหมายและชอบธรรมที่จีนจะรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน นายหวัง อี้ ย้ำว่าหลักการจีนเดียวเป็นกำลังหลักในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน และแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐสามฉบับเป็น “ราวกั้น” ที่แท้จริงสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างจีนและสหรัฐ

 

การที่ไต้หวันยึดติดกับสหรัฐเพื่อแสวงหา “เอกราช” ถือเป็นทางตัน และการพยายามใช้ประเด็นไต้หวันเพื่อควบคุมจีนก็มีแต่จะล้มเหลว

 

นายหม่า เสี่ยวกวง โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะมุขมนตรีจีน

ด้าน นายหม่า เสี่ยวกวง โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะมุขมนตรีจีน (the State Council's Taiwan Affairs Office) ประณามแบบตีแสกหน้าตรง ๆ ไปที่นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี : Democrat Progressive Party) ของเธอซึ่งเป็นพรรคที่นิยมนโยบายแยกตัวเป็นเอกราช และเน้นปกป้องอำนาจอธิปไตยของไต้หวันให้พ้นภัยคุกคามจากจีน ว่ากำลังพยายามร่วมมือกับขุมอำนาจต่างชาติที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่าคือสหรัฐ แต่ผลของความพยายามนี้กลับจะผลักไสให้ไต้หวันตกลงสู่ “ห้วงเหวแห่งหายนะ”  

 

สำนักข่าวซินหัว สื่อใหญ่ของจีนอ้างอิงถ้อยแถลงของนายหม่าที่เผยแพร่เช้าวันนี้ (3 ส.ค.) ระบุว่า ทั้งนางไช่และพรรคดีพีพี กำลังเล่นบทบาทกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เรียกร้องเอกราชให้กับไต้หวัน ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่ยอมรับ “ฉันทามติ 1992” (1992 Consensus) ที่รับรอง “หลักการหนึ่งจีน” โดยในปี 1992 (พ.ศ.2535) ผู้แทนทั้งฝ่ายจีนและไต้หวันต่างรับรองว่า “ในโลกนี้” มีเพียงจีนเดียว ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันต่างก็เป็นจีนเหมือนกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีการแถลงคำจำกัดความ “หนึ่งจีน” ของตน

 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า “หากพื้นฐานข้อนี้ถูกทำลายลงไป ความสัมพันธ์จีน-ไต้หวันจะย้อนกลับไปสู่ความไร้เสถียรภาพและไม่มั่นคงอย่างรุนแรงเหมือนในอดีต”

 

“ภายใต้กรอบหลักการจีนเดียว เรา (จีน) พร้อมจะพูดคุยกับไต้หวันอย่างเท่าเทียมและมีเหตุผล” ผู้นำจีนเคยกล่าวไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว และในวันนี้เมื่อนางเพโลซี ผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐมาเยือนไต้หวันท่ามกลางการคัดค้านของจีน โฆษกของจีนจึงต้องออกมาย้ำว่า ผู้นำไต้หวันกำลังสนับสนุนการแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเทศเอกราช (two states) อย่างเปิดเผย ซึ่งจีนไม่อาจยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้น คือนางไช่ได้กล่าวโจมตีนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งเป็นนโยบายหลักรองรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวัน อย่างไม่แยแส ผลักให้เกิดกระบวนการด้อยคุณค่าและลบล้างความเป็นจีนในทุกรูปแบบบนเกาะไต้หวัน พร้อมทั้งขับเคลื่อนเอกราชแห่งไต้หวัน          

 

นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน

“พวกเขาตั้งใจที่จะก่อให้เกิดสถานการณ์เผชิญหน้าในช่องแคบไต้หวัน ล้มล้างประชามติ และกระตุ้นให้เกิดการแบ่งขั้ว แตกแยกฝักฝ่ายในสังคมไต้หวัน” นายหม่ากล่าว และว่า การกระทำเช่นนี้ ไม่ได้คำนึงถึงสันติภาพในช่องแคบไต้หวันและความปลอดภัยของชาวไต้หวัน รัฐบาลของนางไช่อำนวยความสะดวกให้นางเพโลซี ซึ่งเป็นประธานสภาผู้แทนฯของสหรัฐมาเยือน ซึ่งเท่ากับส่งเสริมให้ขุมอำนาจจากต่างประเทศเข้ามาท้าทายจีนแผ่นดินใหญ่ นางไช่และพรรคดีพีพี กำลังทำตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจีน ซึ่งสั่นคลอนพัฒนาการของสันติภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างรุนแรง ทำให้สันติภาพและสเถียรภาพของช่องแคบไต้หวันตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด และมีแต่จะทำลายตัวเอง ขณะเดียวกันก็ผลักให้ไต้หวันตกดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึกแห่งหายนะ