รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาล และ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีความตึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกา หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนไต้หวัน โดยระบุว่า
กรณีความตึงเครียดระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกา ครั้งนี้หากมองอีกมุม ในระยะสั้นอาจพอเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นสำหรับทั้ง 2 ประเทศ นั่นคือ ฝ่ายจีนเอง จะใช้โอกาสนี้ในการระดมความรักชาติ และความรู้สึกของความเป็นจีนให้เกิดขึ้น ทำให้ทางการจีนเองต้องแสดงความแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ
ส่วนทางฝ่ายสหรัฐฯ เอง ณ ปัจจุบันเองการเมืองภายในประเทศก็กำลังเดินหน้าสู่โหมดการเลือกตั้งครึ่งเทอม และเป็นช่วงฤดูกาลหาเสียง ดังนั้นสหรัฐฯ จึงแสดงท่าทีในการเผชิญหน้ากับจีนอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นหนึ่งในวิธีของการทำให้การเมืองภายในของทั้งสองประเทศเองได้รับประโยชน์
“ในระยะสั้นกระทบการค้าและการลงทุน จะเกิดขึ้นแน่นอน สุดท้ายผลหนักจะตกไปอยู่ที่ไต้หวัน เพราะทุกวันนี้เราได้เห็นไต้หวันลดการให้ข่าว และลดการแสดงบทบาทลงมาก เพราะกลัวว่าในที่สุดจีนอาจหันกลับมาลุยกับไต้หวันมากขึ้น เช่น การวางกำลังกึ่งถาวรมากขึ้น การซ้อมรบบ่อยขึ้น หรือการตัดความสัมพันธ์ทางการค้า ซึ่งจะทำให้ไต้หวันอ่อนแอลงอีก และหากจีนทำต่อไต้หวันแล้ว ท้ายที่สุดสหรัฐฯ อาจจะช่วยไต้หวันไม่ได้ด้วยซ้ำ”
รศ.ดร.ปณิธาน ระบุว่า แนวโน้มของประเด็นร้อนครั้งนี้ เชื่อว่าในที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายจะค่อย ๆ พยายามลดผลกระทบที่เกิดให้น้อยลง เพราะบทเรียนครั้งก่อนก็เคยเกิดขึ้น และหากความตึงเครียดยังคงไม่ลดลง จนสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น เชื่อว่า จะเกิดความเสียหายกันทั้งสองฝ่าย และมองว่า ใจจริงทั้งสองประเทศก็คงเลี่ยงการปะทะอย่างไม่จำเป็น