นายแพทย์เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว เปิดเผยวานนี้ (7 ส.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำ สหรัฐอเมริกา มี ผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อวันอาทิตย์ (7 ส.ค.) ซึ่งทำให้เขาไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ 2 เข็ม ก่อนที่จะพบว่ามีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวกครั้งแรกในวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ได้รับการรักษาจนผลตรวจเชื้อออกมาเป็นลบ แต่ก็กลับมามีผลตรวจเชื้อเป็นบวกอีกครั้งในวันที่ 30 ก.ค. ซึ่งนายแพทย์โอคอนเนอร์ระบุว่า การกลับมาติดเชื้อโควิด-19 ของปธน.ไบเดนถือเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก และมักเกิดกับผู้ป่วยที่ได้รับยาแพ็กซ์โลวิด (Paxlovid)
นายโจ ไบเดน วัย 79 ปี ประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ต้องแยกกักตัวตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากติดเชื้อโควิด-19 ถึง 2 ระลอก โดยเมื่อวันที่ 21 ก.ค. เขามีผลตรวจเป็นลบแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับเกิดการรีบาวด์ (rebound) ทำให้ผลตรวจเป็นบวกอีกครั้ง
อาการรีบาวด์เป็นกรณีหายากที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มเล็กๆ ที่รับการรักษาโรคโควิด-19 ด้วยยาต้านไวรัส ‘แพกซ์โลวิด’ (Paxliovid) เหมือนกับนายไบเดน แพทย์ประจำตัวไบเดนกล่าวว่า ยาดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง แต่ ดร.โอคอนเนอร์เตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า มีโอกาสเล็กน้อยที่จะเกิดการรีบาวด์ได้
ในช่วงการป่วยระลอกแรก นายไบเดนแสดงอาการป่วยหลักๆ คือ
ส่วนอาการหลังเกิดรีบาวด์ ดร.โอคอนเนอร์ระบุว่า อาการไอของนายไบเดนกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่อาการทั้งหมดเกือบจะหายไปในวันศุกร์ที่ 5 ส.ค.
อนึ่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังศึกษาวิธีป้องกันและความรุนแรงของการรีบาวด์ โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (ซีดีซี) เตือนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้หลังจากมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นเป็นลบ 2-8 วัน