สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจาก กรุงเคียฟ ประเทศ ยูเครน ว่า รัฐบาลท้องถิ่นภูมิภาคเปนีเปอร์เปตรอฟสก์ ทางตอนกลางของยูเครน และเป็นสถานที่ตั้งของเมืองนีเปอร์ เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ ถูกโจมตีเมื่อคืนวันพุธ (10 ส.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 11 คน
และในวันเดียวกัน ทางการ ภูมิภาคซาปอริซห์เซีย ซึ่งอยู่ใกล้กัน รายงานพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย หลังกองทัพรัสเซียยิงจรวดโจมตีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภูมิภาคดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งของ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซห์เซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยูเครน และในยุโรป อีกทั้งอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
อย่างไรตาม โรงไฟฟ้าแห่งนี้ อยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพรัสเซียตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของสงคราม
รายงานข่าวระบุว่า ยูเครนและรัสเซียยังคงกล่าวหาสาดโคลนกันไปมา เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารรอบๆโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้ ซึ่งมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 6 ตัว
เมื่อเร็ว ๆนี้ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ( ไอเออีเอ ) ได้ออกมาแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งและหวั่นเกรงว่าจะเกิด “หายนะทางนิวเคลียร์” ขึ้นในยูเครน ซ้ำรอยวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดและกัมมันตรังสีรั่วไหลเมื่อปี 2529
สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรยากาศความตึงเครียดที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซห์เซีย และพื้นที่ใกล้เคียง เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังเกิดเหตุระเบิดภายในฐานทัพอากาศซากี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับเมืองโนโวเฟโดริฟกา ทางตะวันตกของคาบสมุทรไครเมีย นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย
ในแง่ความสำคัญทางยุทธศาสตร์นั้น เมืองโนโวเฟโดริฟกาซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพซากี อยู่ห่างจากเมืองเซวาสโตโพล สถานที่ตั้งของ “กองเรือทะเลดำรัสเซีย” เพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้น และไม่เคยเกิดความรุนแรงทางทหารมาก่อน นับตั้งแต่สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียปะทุขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา