นาย ไดชิโระ ยามากิวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ ( 24 ต.ค.) หลังต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากกรณีที่เขาไม่สามารถชี้แจงถึงความสัมพันธ์ของเขากับ โบสถ์แห่งความสามัคคี (หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ลัทธิมูน”) ได้อย่างชัดเจน
นายยามากิวะ เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ประกาศลาออก หลังจากที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่ผ่านมา (2564) และยังนับเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองรุนแรงที่สุดจากกรณีอื้อฉาวที่เป็นผลพวงสืบเนื่องจากการลอบสังหารนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การลาออกของนายยามากิวะ ยิ่งซ้ำเติมความย่ำแย่ด้านคะแนนนิยมของนายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี มากขึ้นไปอีก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เสียงสนับสนุนของรัฐบาลก็เพิ่งร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากการที่นายคิชิดะออกมายอมรับว่า สมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของเขาเกือบครึ่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับโบสถ์แห่งความสามัคคี
นายยามากิวะ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขาในครั้งนี้ และออกมากล่าวคำขอโทษสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม เขาจะยังคงทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติต่อไป เนื่องจากเขาไม่ได้กระทำการใดที่ผิดกฎหมาย พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เคยได้เข้าร่วมกิจกรรมของลัทธิดังกล่าวหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ลัทธิดังกล่าวเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีคิชิดะ เตรียมเสนอชื่อผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนนายยามากิวะในวันนี้ (25 ต.ค.) พร้อมระบุว่า เขายอมรับการลาออกของนายยามากิวะ เนื่องจากในฐานะนายกรัฐมนตรีแล้ว เขาต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับประเด็นต่างๆ เช่น มาตรการทางเศรษฐกิจ และการจัดหางบประมาณเพิ่มเติม