เกิดเหตุการณ์ให้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึงสุขภาพร่างกาย ที่มักเกิดเหตุการณ์ หลงลืม หรือมีท่าทีสับสน โดยล่าสุด ในการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2565 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เรียกนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าเป็นนายกฯ โคลอมเบีย
โดยกล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนตอนหนึ่งว่า "ตอนนี้เรากลับมารวมตัวกันที่กัมพูชาแล้ว ผมตั้งตารอที่จะสร้างความก้าวหน้าให้เข้มแข็งยิ่งกว่าที่เราเคยทำมา และผมอยากจะขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีโคลอมเบียสำหรับความเป็นผู้นำในฐานะประธานอาเซียน และสำหรับการเป็นเจ้าภาพต้อนรับพวกเราทุกคน" ปธน.ไบเดนกล่าว โดยตั้งใจหมายถึง สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในกรุงพนมเปญ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะมีอายุครบ 80 ปีในวันที่ 20 พ.ย.นี้ และเขาตั้งใจจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยในปี 2567 โดยจะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายช่วงต้นปีหน้า ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การพูดผิดเป็นครั้งคราว และการชอบพูดนอกสคริปต์ของ ปธน.ไบเดน มักถูกพรรครีพับลิกันวิจารณ์ว่า นี่เป็นหลักฐาน ว่าไบเดนแก่เกินไปจนไม่ควรดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เอ่ยชื่อ ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษผิดพลาดระหว่างกล่าวปราศรัยในวาระเทศกาลดิวาลี (24 ต.ค.)โดย ปธน.ไบเดน กล่าวยกย่องการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ซูนัค ว่า "เราได้รับข่าวว่า ราชี ซานุก (Rashee Sanook) ตอนนี้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี" ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว "อย่างที่พี่น้องผมมักพูดว่า ไม่น่าเชื่อเลย"
ยังไม่นับรวมกับ เหตุการณ์ต่างๆก่อนหน้านี้ เช่น ในวันจันทร์ (24 ต.ค.) ไบเดน มีท่าทีเหมือนคนหลงทิศ เดินกลับทำเนียบขาวไม่ถูก หลังออกมาร่วมพิธีปลูกต้นไม้ที่สนามหญ้าทางทิศใต้ของทำเนียบขาว จนเจ้าหน้าที่ต้องชี้ทาง แนะให้เขาเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ในเดือนเมษายน ไบเดนดูเหมือนจะมีอาการสับสนบนเวทีเช่นกัน โดยเขายื่นมือจับมือกับอากาศ ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น หลังเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์กับบรรดานักเรียนของมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคนิคนอร์ทแคโรไลนา ในเมืองกรีนส์โบโร
อย่างไรก็ดี ด้านผู้สนับสนุนปธน.ไบเดนเห็นว่า คำวิจารณ์ดังกล่าวเป็นการเหยียดผู้สูงอายุ พร้อมระบุ ปธน.ไบเดนเป็นผู้ที่เอาชนะปัญหาการพูดติดอ่างในวัยเด็กได้ และก็พูดนอกสคริปต์แบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว