องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ หรือ เจโทร กรุงเทพฯ เดินหน้าจัดกิจกรรมขยายการค้าในประเทศไทย โดยล่าสุดมีการจัด แคมเปญ “Made in Japan" เพื่อส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบอาหารที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ เชิญชวนคนไทยให้ลิ้มลอง อาหารรสชาติญี่ปุ่น แท้ๆ ผ่านวัตถุดิบที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น ถือเป็น Soft Power จากแดนปลาดิบที่คนไทยรู้จักและชื่นชอบมายาวนาน
นายคุโรดะ จุน ประธานเจโทร กรุงเทพฯ คนใหม่ เปิดเผยถึงที่มาของแคมเปญนี้ว่า ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าวัตถุดิบอาหารจากญี่ปุ่นเป็นอันดับ 7 ของโลก และมีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในทวีปเอเชีย ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก แม้ที่ผ่านมา การส่งออกวัตถุดิบอาหารจากญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบจากมาตการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่มูลค่าการส่งออกจากญี่ปุ่นมาไทยเมื่อปี 2564 ก็มีการฟื้นตัวประมาณ 110% หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบๆ 11,000 ล้านบาท และตั้งแต่เดือน ม.ค-ส.ค. ปีนี้ (2565) มียอดส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมายังประเทศไทยที่ระดับ 8,900 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกจากเงินเยนอ่อนค่า ที่อาจจะช่วยหนุนการส่งออกให้ขยายตัวได้มากกว่านี้อีก
แคมเปญ “Made in Japan" ซึ่งเริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2565 ถึงวันที่ 28 ก.พ.ปีหน้า (2566) มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบอาหารที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ ขณะเดียวกันก็เป็นการนำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ 236 แห่งทั่วไทย แบ่งเป็น
ทั้งหมดเป็นร้านที่ได้รับเครื่องหมาย “Japanese Food Supporter” เป็นการรับรองคุณภาพความสดใหม่ของวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้ลิ้มรสความอร่อยของวัตถุดิบอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเห็นของผู้บริโภคบ่งชี้ว่า คนไทยชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นอันดับสอง รองแต่เพียงอาหารไทย ดังสะท้อนจากสถิติที่ว่า มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทุกปีในประเทศไทย โดยในปี 2563 มีร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย 4,094 แห่ง พอมาปี 2564 มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 4,370 แห่ง
นอกจากนี้ หากคิดเป็นสัดส่วนของร้านอาหารทั้งหมด ปี 2562 มีสัดส่วนร้านอาหารญี่ปุ่น 45.2% ต่อมาในปี 2563 มีสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 52.6% แสดงให้เห็นว่า ในต่างจังหวัดทุกจังหวัดของไทยมีร้านอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถือได้ว่าอาหารญี่ปุ่นเริ่มกลายเป็นอาหารในชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว
เจโทรเปิดเผยว่า จากความชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นของผู้บริโภคชาวไทยและการขยายตัวของร้านอาหารญี่ปุ่น พบว่า สินค้าวัตถุดิบอาหารที่ส่งออกจากญี่ปุ่นมาไทยมากที่สุด นั้น
วัตถุดิบอาหารที่ต้องปรุง ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังร้านอาหาร ขณะที่ผลไม้จะส่งออกไปจำหน่ายตามร้านค้าปลีก
ส่วนอุปสรรคที่พบนั้น คือ องค์กรอาหารและยาของประเทศไทย (อ.ย.) ยังคงจำกัดการนำเข้าสินค้าบางชนิดจากญี่ปุ่น ทำให้วัตถุดิบบางอย่างไม่สามารถนำเข้ามาได้ แต่กระนั้น ก็ยังมีแนวโน้มที่ดีที่ล่าสุด ไทยเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูจากญี่ปุ่นแล้ว หากในอนาคต ไทยอนุญาตให้นำเข้าสินค้าบางชนิดมากขึ้น คนไทยอาจจะได้ลิ้มรสวัตถุดิบญี่ปุ่นแท้ได้มากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับ แคมเปญ “Made in Japan" นั้น แม้จะจัดมาตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. แต่ก็ยังจะมีไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ.ปีหน้า (28 ก.พ.2566) เจโทรจัดแคมเปญนี้ขึ้น โดยมีเป้าหมาย
ทั้งนี้ เจโทรได้ร่วมผนึกกำลังกับร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย โดยประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ และสื่อของร้าน พร้อมเผยแพร่เมนูสุดพิเศษจากร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ คาดว่าคนไทย 1 คนในทุกๆ 6 คน หรือประมาณ 10 ล้านคน จะเข้าถึงการประชาสัมพันธ์นี้ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นได้รู้จักร้านและหาทานได้สะดวก
ตัวอย่างร้านอาหารญี่ปุ่นพร้อมเมนูพิเศษของแต่ละร้านที่เข้าร่วมแคมเปญนี้ อาทิ
จะเห็นว่าแต่ละร้านมีการนำเสนอเมนูและวัตถุดิบตามฤดูกาลที่แตกต่างกันไปตามสไตล์ร้านอาหารนั้น ๆ
ผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นรสชาติแท้ๆ สามารถติดตามเมนูพิเศษและโปรโมชันจากสื่อของร้าน ทั้งสื่อประชาสัมพันธ์ออฟไลน์ที่หน้าร้าน เมนูในร้าน และสื่อประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์ ทางเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม