แนวโน้มการเดินทาง ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากหลัง จีนเปิดประเทศ อย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้บรรดา สายการบิน พากัน เพิ่มจำนวนที่นั่งผู้โดยสาร ในแต่ละเที่ยวบิน โดยคาดว่าสายการบินของจีนเองจะแซงหน้าสายการบินจากชาติอื่น ๆ เนื่องจากมีการเตรียมพนักงานส่วนใหญ่และเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้างไว้พร้อมแล้ว ในขณะที่สายการบินต่างประเทศต่างประสบปัญหาข้อจำกัดด้านความจุนับตั้งแต่ที่ประเทศต่าง ๆ ทยอยเปิดพรมแดน
ทั้งนี้ ซีเรียม (Cirium) บริษัทวิเคราะห์ด้านการบินเปิดเผยว่า สายการบินต่าง ๆ ได้เพิ่มจำนวนที่นั่งบนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและออกจากจีนในเดือนม.ค.ขึ้นอีก 9.5% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสายการบินต่างก็เพิ่มจำนวนเที่ยวบินหลังจากจีนประกาศเปิดพรมแดนอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 ม.ค. แต่จำนวนเที่ยวบินโดยภาพรวม ก็ถือว่ายังน้อยกว่าระดับที่เคยเป็นช่วงก่อนเกิดโควิดระบาด
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเที่ยวบินจากซีเรียมพบว่า สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค แอร์เวย์ส ของฮ่องกง ได้เพิ่มที่นั่งบนเครื่องกว่า 52,000 ที่นั่งหลังจีนเปิดพรมแดน ซึ่งมากกว่าสายการบินเซียะเหมิน แอร์ไลน์ส และสายการบินจูนเหยา แอร์ไลน์ ของจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงสายการบินอื่น ๆ ซึ่งเพิ่มที่นั่งโดยรวมราว 160,000 ที่นั่ง
ข้อมูลระบุว่า ที่นั่งที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากฐานเดิมที่ต่ำ โดยในเดือนม.ค. สายการบินบินด้วยความจุของที่นั่งประมาณ 11% ของระดับก่อนโควิดระบาด ซึ่งทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินแพงขึ้นก่อนถึงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะเริ่มในวันที่ 21 ม.ค.นี้
สำหรับจำนวนที่นั่งบนเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าและออกจากจีน ที่มีกำหนดการบินในเดือนก.พ.นี้ ได้ขยับเพิ่มขึ้น 23% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 13% สำหรับเดือนมี.ค.ในช่วงเวลาเดียวกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคฯ มีแผนเพิ่มเที่ยวบินไปยังจีนมากขึ้นกว่าสองเท่า โดยนับตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.เป็นต้นไป จะเพิ่มเที่ยวบินเป็นสัปดาห์ละ 61 เที่ยว (จากปัจจุบัน บินไปจีน 27 เที่ยวต่อสัปดาห์ และบิน 50 เที่ยวจากจีนมาฮ่องกง) ทั้งนี้ คาดหวังจะเพิ่มเป็นกว่า 100 เที่ยวต่อสัปดาห์ภายในเดือนมีนาคม
คาเธ่ย์ แปซิฟิคฯ เป็นหนึ่งในสายการบินที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น(ซึ่งมีผลมาจากนโยบายของจีน) ทำให้ฮ่องกงแทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และคาเธ่ย์ แปซิฟิคฯก็ให้บริการในช่วงเวลานั้นต่ำกว่าสมรรถนะการบินที่มีอยู่มาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่คลี่คลายลงในขณะนี้ และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบของจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้บริษัทคาดว่า จะสามารถกลับมาให้บริการเที่ยวบินได้ราว 70% ของระดับที่เคยทำได้ก่อนช่วงเกิดโควิดภายในสิ้นปีนี้ (2566)
จากนั้นตั้งเป้าจะกลับมาให้บริการได้เทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโควิด ภายในช่วงสิ้นปี 2567