นิคเคอิ เอเชีย รายงานวานนี้ (วันที่ 29 มกราคม 2566) ว่า โซนี่ กรุ๊ป (SONY) ประกาศย้ายฐานการผลิตกล้องดิจิทัลสำหรับตลาดญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป จากจีนมายังประเทศไทย ตามแผนป้องกันซัพพลายเชนด้วยการลดการพึ่งพาจีน โดยหลังจากนี้โรงงานในจีนจะผลิตกล้องสำหรับขายในประเทศจีนเท่านั้น และจะมีการสำรองเครื่องจักรบางส่วนเพื่อเป็นฐานผลิตสำรองในกรณีฉุกเฉิน
จากข้อมูลของบริษัทวิจัยยูโรมอร์นิเตอร์คาดว่า ในปี 2022 โซนี่มียอดขายกล้องดิจิทัลตระกูลอัลฟาทั่วโลกประมาณ 2.11 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้ตลาดจีนมีสัดส่วนเพียง 1.5 แสนเครื่อง ดังนั้นการที่โซนี่ ประกาศย้ายฐานผลิตกล้องดิจิทัล เพื่อส่งออกต่างประเทศทั้งหมดจากจีนมาที่ประเทศไทย ป้อนทั้งตลาดญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป จึงคิดเป็น 90% ของการผลิตทั้งโลก
การตัดสินใจย้ายฐานของโซนี่ ซึ่งเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นผลจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และผลกระทบจากนโยบายซีโร่โควิดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทต่างเริ่มเดินแผนลดการพึ่งพาจีนลงเช่นกัน อาทิ แคนนอนที่ย้ายไลน์การผลิตกล้องดิจิทัลบางส่วนจากจีนกลับมายังญี่ปุ่นเมื่อปี 2565 หรือไดกิ้นที่วางแผนสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนที่ไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจากจีน เป็นต้น
สำหรับการย้ายฐานการผลิตกล้องดิจิทัลของโซนี่ ไลน์การผลิตกล้องดิจิทัลสำหรับขายในตลาดสหรัฐเป็นส่วนแรกที่ถูกย้ายออกจากจีน ก่อนที่ไลน์สำหรับตลาดยุโรปและญี่ปุ่นจะย้ายตามออกมาเมื่อช่วงสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้แม้การตัดสินใจนี้ทำให้ไทยกลายเป็นฐานผลิตกล้องดิจิทัลป้อนทั้งตลาดญี่ปุ่น สหรัฐ และยุโรป แทนฐานผลิตเดิมในจีน แต่ทางโซนี่ ยังยืนยันว่าไม่มีแผนยุติการทำตลาดกล้องดิจิทัลในจีน นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินสายการผลิตสินค้าอื่น ๆ ในจีนเพื่อส่งออกไปยังตลาดโลกตามเดิม ไม่ว่าจะเป็นเลนส์กล้อง ทีวี และเครื่องเกม
ขณะที่การดำเนินธุรกิจของโซนี่ ในประเทศไทย ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 3 แห่ง ได้แก่
1.บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ทำหน้าที่ทำการตลาด จัดจำหน่ายสินค้าและให้บริการหลังการขาย
2.บริษัท โซนี่ เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตเครื่องรับโทรทัศน์สี, LCD, เครื่องเสียงติดรถยนต์, เครื่องนำทางติดรถยนต์ และกล้องดิจิทัล ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี
3.บริษัท โซนี่ ดีไวซ์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และเป็นฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น