เงินเฟ้อต่อปีของปากีสถานพุ่งขึ้นทะลุ 27% ในเดือนมกราคม เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1975 หรือในรอบ 48 ปี ขณะที่ในสัปดาห์นี้เงินรูปีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 275 รูปีต่อดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 175 รูปีต่อดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว สถานการณ์ค่าเงินดังกล่าวส่งผลให้ปากีสถานต้องซื้อและชำระค่าสินค้าแพงขึ้น
นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟของปากีสถาน จัดประชุมครั้งสุดท้ายกับคณะผู้แทน เพื่อขอให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ อนุมัติเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อกู้วิฤตเศรษฐกิจ หลังจากทุนสำรองระหว่างประเทศของปากีสถานลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่ทางการปากีสถานจะต้องเร่งหาทางคลี่โดยเร็ว โดยคณะผู้แทนจากไอเอ็มเอฟ อยู่ระหว่างการเยือนกรุงอิสลามาบัด และเจรจากับรัฐบาลปากีสถานมาแล้ว 10 วัน ตามรายงานระบุว่า คณะผู้แทนจาก IMF มีกำหนดเดินทางออกจากปากีสถานเมื่อวันพฤหัสบดี (9 กุมภาพันธ์)
นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่ปากีสถานขอความช่วยเหลือจาก IMF "ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์ของปากีสถาน แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาเรื่องดุลการชำระเงินเป็นวงจร" ดร.ซาจิด อามิน จาเวด รองผู้อำนวยการบริหารของสถาบันนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรุงอิสลามาบัด กล่าว
ปัจจุบันปากีสถาน มีเงินดอลลาร์เพียงพอที่จะครอบคลุมการนำเข้าน้อยกว่า 1 เดือนในระดับปกติ และกำลังดิ้นรนเพื่อชำระหนี้ต่างประเทศในระดับสูง ขณะที่ในสัปดาห์นี้ เงินรูปีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 275 ต่อดอลลาร์ ลดลงจาก 175 ปีที่แล้ว ทำ
ปากีสถาน เผชิญปัญหาเช่นเดียวกับหลายประเทศ จากการระบาดใหญ่ของโควิดและการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งตามมาด้วยราคาเชื้อเพลิงโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างมาก และการนำเข้าอาหารก็มีราคาแพงขึ้น หากค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง เชื้อเพลิงจะมีต้นทุนสูงขึ้นจะมีผลกระทบกับสินค้าที่ขนส่งหรือการผลิต โดยรัฐบาลเพิ่งขึ้นราคาเชื้อเพลิงมากกว่า 13%
นอกจากนี้ ต้นทุนของน้ำท่วมปีที่แล้ว สหประชาชาติระบุว่าสร้างความเสียหายมากกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ พื้นที่ขนาดใหญ่ของปากีสถานจมอยู่ใต้น้ำ ทำลายพื้นที่เพาะปลูกและขัดขวางความสามารถในการผลิตอาหาร อาหารพื้นฐาน เช่น ข้าวสาลีและหัวหอมมีราคาพุ่งสูงขึ้น
IMF ถือกุญแจสำคัญ
แต่สำหรับตอนนีีคำถามสำคัญคือ ข้อตกลงกู้เงินจะซื้อเวลาได้นานแค่ไหน?
“หากการเริ่มต้นกับ IMF สำเร็จอีกครั้ง จะปลดล็อกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ตามที่ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สัญญาไว้ จากนั้นความเสี่ยงของปัญหาดุลการชำระเงินที่มากขึ้นจะถูกผลักออกไป” คูรัม ฮุสเซน นักข่าวด้านธุรกิจและเศรษฐกิจกล่าว
แต่เมื่อมองในระยะยาว โครงการนี้จะกระทบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ปากีสถานเผชิญกับภาระหนี้จำนวนมาก หากปราศจากการปรับโครงสร้างหนี้อย่างครอบคลุม ประเทศจะยังคงกลับมายืนอยู่ ณ จุดนี้ ท่ามกลางวิกฤตดุลการชำระเงิน
อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงกับ IMF จะช่วยเศรษฐกิจและรัฐ แต่จะเป็นภาระของประชาชนทั่วไป ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือการที่รัฐบาลบรรลุข้อตกลงกับไอเอ็มเอฟ เริ่มดำเนินการตามแผนจากนั้นเปลี่ยนใจ ปากีสถานจะกลับเข้าสู่จุดวิกฤตดุลการชำระเงินอย่างมั่นคง
อ้างอิง : bbc