การเดินทางเยือนรัสเซีย ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่กำลังจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า กำหนดมีขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคม โดยจะเป็นการเดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีนเป็นสมัยที่สามเมื่อเร็วๆนี้ และยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียยกพลบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565
ฮว่า ชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงวันนี้ (17 มี.ค.) ที่กรุงปักกิ่ง ระบุว่า การเยือนกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ของประธานาธิบดีจีน เป็นไปตามคำเชิญของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย นับเป็นภารกิจเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ปธน.สี จิ้นผิง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.สี ผู้นำจีน มีแนวโน้มที่จะหารือกับปธน.ปูติน เกี่ยวกับ แผน"พิมพ์เขียว 12 ข้อ" (12-point blueprint) ที่จีนเพิ่งเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เป็นแนวทางในการยุติสงครามในยูเครน แม้รัฐบาลส่วนใหญ่ในประเทศแถบตะวันตกจะมองข้ามข้อเสนอสันติภาพของจีน ขณะที่ยูเครนเอง ก็ไม่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแผนการนี้มากนัก โดยที่ผ่านมายูเครนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเป็นปฏิปักษ์กับจีนนับตั้งแต่เปิดฉากทำสงครามกับรัสเซีย
แหล่งข่าวยังเปิดเผยด้วยว่า ปธน.สี และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน มีแผนจะสนทนากันผ่านทางวิดีโอลิงก์ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการหารือกันครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดศึกรุกรานยูเครน
สำหรับแผนพิมพ์เขียว 12 ข้อเพื่อนำไปสู่สันติภาพในยูเครน ซึ่งถือเป็น "จุดยืนของจีน" เกี่ยวกับการหาทางออกให้กับวิกฤตการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซีย-ยูเครนนั้น มีรายละเอียด ดังนี้
1.เคารพอธิปไตยของทุกประเทศ
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด อำนาจอธิปไตย เอกราช และบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศจะต้องได้รับการยึดถืออย่างมีประสิทธิภาพ ทุกประเทศไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ รวยหรือจน ล้วนเป็นสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศที่เท่าเทียมกัน ทุกฝ่ายควรร่วมกันรักษาบรรทัดฐานพื้นฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและปกป้องความยุติธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ ส่งเสริมการใช้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
2. ละทิ้งความคิดแบบสงครามเย็น
ความมั่นคงของประเทศไม่ควรถูกดำเนินการโดยผู้อื่น การรักษาความปลอดภัยของภูมิภาคไม่ควรทำได้โดยการเสริมกำลังหรือขยายกลุ่มทางทหาร ผลประโยชน์และข้อกังวลด้านความมั่นคงที่ถูกต้องตามกฎหมายของทุกประเทศจะต้องได้รับการดำเนินการอย่างจริงจังและได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม
ทุกฝ่ายควรปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ของการรักษาความปลอดภัยร่วมกัน คำนึงถึงสันติภาพและเสถียรภาพในระยะยาวของโลก ช่วยกันสร้างความมั่นคงของยุโรปที่สมดุล มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ทุกฝ่ายควรต่อต้านการแสวงหาความมั่นคงของตนเองโดยแลกกับความปลอดภัยของผู้อื่น ป้องกันการเผชิญหน้าของกลุ่ม และทำงานร่วมกันเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพในทวีปเอเชีย
3. ยุติการสู้รบเเละหยุดยิง
ความขัดแย้งและสงครามไม่มีใครได้ประโยชน์ ทุกฝ่ายต้องมีเหตุผลและใช้ความยับยั้งชั่งใจ หลีกเลี่ยงการจุดไฟและความตึงเครียดซ้ำเติม ป้องกันไม่ให้วิกฤตทวีความรุนแรงมากขึ้นหรือถึงขั้นควบคุมไม่ได้
ทุกฝ่ายควรสนับสนุนรัสเซียและยูเครนในการเริ่มการเจรจาโดยตรงอีกครั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อค่อยๆ ลดระดับสถานการณ์ลงและบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอย่างครอบคลุมในท้ายที่สุด
4. การเจรจาสันติภาพต่อไป
การเจรจาเป็นทางออกเดียวที่เป็นไปได้สำหรับวิกฤตยูเครน การยุติวิกฤตอย่างสันติต้องได้รับการสนับสนุนประชาคมระหว่างประเทศควรยึดมั่นในแนวทางที่ถูกต้องในการส่งเสริมการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ช่วยฝ่ายต่าง ๆ ในความขัดแย้งเปิดประตูสู่ข้อตกลงทางการเมืองโดยเร็วที่สุด และสร้างเงื่อนไขสำหรับการเริ่มการเจรจาใหม่ จีนจะยังคงมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเรื่องนี้
5. การแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม
มาตรการทั้งหมดที่เอื้อต่อการบรรเทาวิกฤตด้านมนุษยธรรมจะต้องได้รับการสนับสนุน ควรเป็นไปตามหลักการของความเป็นกลาง ไม่ควรถูกทำให้เป็นเรื่องการเมือง ความปลอดภัยของพลเรือนต้องได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ ควรจัดตั้งหนทางเพื่อมนุษยธรรมสำหรับการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
จำเป็นต้องมีความพยายามในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงเงื่อนไขด้านมนุษยธรรม และให้การเข้าถึงด้านมนุษยธรรมที่รวดเร็ว ปลอดภัย และไม่ถูกกีดขวาง มีเป้าหมายเพื่อป้องกันวิกฤตด้านมนุษยธรรมในระดับที่ใหญ่ขึ้น สหประชาชาติควรได้รับการสนับสนุนในบทบาทการประสานงานในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังพื้นที่ความขัดแย้ง
6. การปกป้องพลเรือนและเชลยศึก (POWs)
ควรปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการโจมตีพลเรือนหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของพลเรือน ปกป้องผู้หญิง เด็ก และเหยื่ออื่นๆ ของความขัดแย้ง เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของเชลยศึก จีนสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเชลยศึกระหว่างรัสเซียและยูเครน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสร้างเงื่อนไขที่เพื่อเอื้อต่อจุดประสงค์นี้
7. การรักษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ปลอดภัย
จีนต่อต้านการโจมตีด้วยอาวุธต่อโรงไฟฟานิวเคลียร์หรือโรงงานนิวเคลียร์ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ (Convention on Nuclear Safety - CNS) และหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างเด็ดขาด จีนสนับสนุนสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ในการแสดงบทบาทที่สร้างสรรค์ในการส่งเสริมความปลอดภัยและความมั่นคงของโรงงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
8. การลดความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์
ห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์และห้ามทำสงครามนิวเคลียร์ การคุกคามหรือการใช้อาวุธนิวเคลียร์ควรได้รับการต่อต้าน การแพร่กระจายของนิวเคลียร์จะต้องได้รับการป้องกันและหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ จีนต่อต้านการวิจัย การพัฒนา และการใช้อาวุธเคมีและชีวภาพของประเทศใด ๆ ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
9. อำนวยความสะดวกในการส่งออกธัญพืช
ทุกฝ่ายจำเป็นต้องดำเนินการตามโครงการ Black Sea Grain Initiative ที่ลงนามโดยรัสเซีย ยูเครน และ UN อย่างเต็มที่ และสนับสนุน UN ในการมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ความคิดริเริ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกที่เสนอโดยจีนเป็นทางออกที่เป็นไปได้สำหรับวิกฤตอาหารโลก
10. ยุติการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว
จีนต่อต้านการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ไม่ได้รับอนุญาตจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเทศที่เกี่ยวข้องควรหยุดใช้การคว่ำบาตรฝ่ายเดียวและ "เขตอำนาจศาลระยะยาว" ในทางที่ผิดกับประเทศอื่น ๆ เพื่อมีส่วนร่วมในการลดระดับวิกฤตยูเครนและสร้างเงื่อนไขสำหรับประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตและทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น
11. การรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน
ทุกฝ่ายควรรักษาระบบเศรษฐกิจโลกอย่างจริงจัง และต่อต้านการใช้เศรษฐกิจโลกเป็นเครื่องมือหรืออาวุธเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง จำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันเพื่อบรรเทาการลุกลามของวิกฤตและป้องกันไม่ให้กระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านพลังงาน การเงิน การค้าอาหารและการขนส่ง และบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
12. การส่งเสริมการสร้างใหม่หลังความขัดแย้ง
ประชาคมระหว่างประเทศจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูหลังความขัดแย้งในพื้นที่ความขัดแย้ง จีนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในความพยายามนี้
อย่างไรก็ตาม การแสดงท่าทีเสมือนเป็นตัวกลางหรือผู้ไกล่เกลี่ยของจีนนั้น มีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย รวมทั้งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐที่มองว่า การที่จีนเข้ามาไกล่เกลี่ยระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นเรื่อง "ไม่สมเหตุสมผล" ขณะที่นายเจนส์ สโตลเตนเบอร์ก เลขาธิการฯ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ระบุว่า จีนไม่ได้อยู่ในสถานเหมาะสมที่จะมาเจรจาให้ยุติสงครามเพราะจีนไม่ได้มีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ