บทความโดย : นายหัวอัทธ์
สงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังเข้าสู่ปีที่สอง ความเสียหายใน 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ต้องพูดถึง “มหาศาล” หากฟังท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ (พูดที่กรุงเคียฟและกรุงวอร์ซอ) และผู้นำรัสเซีย (พูดต่อรัฐสภารัสเซีย) (ทั้งสองผู้นำพูดก่อนไม่กี่วันที่จะครบรอบ 1 ปี) ทั้งสองผู้นำโลกพูด “มีความดุเดือดทุกอนู”
ปีนี้ใจคงต้องลุ้นระทึกว่า จะเป็น “ปีของการต่อสู้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่” เพราะ ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศหยุดความร่วมมือในสนธิสัญญานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับ รัสเซียทันที เพียงไม่กี่วันก่อนวันครบรอบ 1 ปี ที่เรียกว่า “New Start Treaty”
ขณะนี้มีประเทศจีนเป็นประเทศเดียว ที่มีความปรารถนาดีต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่จะให้เกิดสันติภาพ และหาทางช่วยเจรจา
ก่อนหน้านี้ จีนวางตำแหน่งตัวเองต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นกลาง “Neutrality” มาโดยตลอด หลังครบ 1 ปี จีนมีความตั้งใจมากกว่าการวางตัวเป็นกลาง เพื่อหาทางสงบศึก แต่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตจากชาติตะวันตกว่า “จีนกำลังเล่นสองบทบาท (Double Games)” ทางหนึ่งเป็นคนกลางเจรจา แต่อีกทางหนึ่งเป็นผู้ส่งอาวุธให้รัสเซีย ซึ่งจีนออกมาปฎิเสธทันที
ขณะเดียวกันจีนก็ยังถูกมองว่า ในฐานะคนกลางที่จะไกล่เกลี่ยนั้น ไม่น่าจะได้รับการยอมรับจากชาติตะวันตก เพราะจีนมีความสนิทกับรัสเซียเกินคำว่าเพื่อน “No Limit Friendship”
ความตั้งใจเพื่อสันติภาพของจีน ซึ่งเผยแพร่ในสื่อทั่วโลก ที่เรียกว่า “เอกสาร 12 ข้อ (The 12-point document)” และเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2566 ที่เรียกว่า “จุดยืนของจีนต่อข้อตกลงทางการเมืองของวิกฤตยูเครน” โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1.เคารพอธิปไตยของทุกประเทศ 2.ยกเลิกความคิดสงครามเย็น 3.ยุติการสู้รบ 4.เริ่มเจรจาสันติภาพ 5. แก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรม 6.ปกป้องพลเรือนและเชลยศึก
7.รักษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ปลอดภัย 8.ลดความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ 9.อำนวยความสะดวกในการส่งออกธัญพืช 10.หยุดการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว 11.รักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่การผลิต และ 12.ส่งเสริมการบูรณาการหลังความขัดแย้ง
จะเห็นได้ว่าทั้ง 12 ข้อ มีความหมายในตัวเองทุกข้อ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องอ่านคำอธิบาย เพราะแต่ละข้อมีความชัดเจนในตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าครอบคลุมใน 3 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ การเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และมนุษยธรรม
การที่จีนเสนอแผนสันตภาพ 12 ข้อ ส่วนหนึ่งจีนเอง ก็มีความกังวลว่า สงครามในปีที่สองนี้ อาจจะขยายวงกว้างมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้ มีการคาดการณ์ว่าประเทศเบลารุส อาจจะเข้าร่วมสงครามในปีที่สอง เพราะผู้นำเบลารุสมีความสนิทกับผู้นำรัสเซีย
เห็นได้จากในวันแรกของการโจมตียูเครน เบลารุสเปิดทางให้ทหารรัสเซียผ่านไปทางเบลารุส (เบลารุสมีชายแดนติดทั้งรัสเซียและยูเครน) หลังจากกระทรวงการต่างประเทศจีนเผยแพร่แผนสันติภาพออกมา
หากฟังท่าทีของผู้ที่เกี่ยวข้องของโลก ทั้งผู้บริหารประเทศ รวมไปถึงนักวิชาการต่อแผนสันติภาพ 12 ข้อจีนพบว่า “ไปในทิศทางที่ไม่ค่อยเห็นด้วย” เพราะส่วนใหญ่มองว่าจีน เอนเอียงไปทางรัสเซียมากกว่า
ดูท่าสันติภาพต่อการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนของจีน น่าจะเป็น “หมัน” เสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก็ขอชื่นชมว่า จีนยังมีความตั้งใจดีต่อการให้เกิดสันติภาพในครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ถูกอกถูกใจใครก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ก็มีความริเริ่มที่อยากให้เกิดสันติภาพ ส่วนเป็นไปได้แค่ไหน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง