ภาพรวม การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีฝนตกในช่วงใกล้ปิดหีบและตลอดคืน ซึ่งส่งผลกระทบกับการนับคะแนนอยู่บ้างในบางเขตพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กัมพูชา ระบุว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้มากกว่า 8,200,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 84.58 ของผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่า 9,700,000 คนทั่วประเทศ
ตัวเลขดังกล่าวนับว่าสูงกว่าการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2018 และการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อปี 2022
“เราได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนถึงจำนวนที่นั่งที่ชนะการเลือกตั้ง” โฆษกพรรค CPP กล่าว เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปิดหีบเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์
ขณะที่นายกฯ ฮุน เซน กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างเข้มแข็งพิสูจน์ให้เห็นว่าการรณรงค์เพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้ง โดยสิ่งที่เขาเรียกว่า “พวกฝ่ายค้านสุดโต่ง” นั้น ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง พิสูจน์โดยจำนวนผู้ลงทะเบียนเพื่อลงคะแนนเสียงประมาณ 9.7 ล้านคนจากประชากร 16 ล้านคนของกัมพูชา หรือกว่า 84.5%
สื่อต่างประเทศรายงานผลการนับคะแนนในเบื้องต้น ระบุว่า พรรคประชาชนกัมพูชา หรือ CPP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของสมเด็จ ฮุนเซน มีคะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่งอีก 17 พรรคการเมืองเล็กๆที่ลงชิงชัยในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะประกาศในเดือนสิงหาคม
นักวิเคราะห์เห็นตรงกันว่า พรรค CPP น่าจะกวาดที่นั่งทั้งหมดในสภา 125 ที่นั่งไปได้อีกเช่นเคย เหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ข่าวระบุว่า การเลือกตั้งทั่วประเทศในปี 2566 นี้ เป็นการเลือกตั้งครั้งที่สองที่จัดขึ้นแบบที่พรรค CPP ลงสนามแข่งขันโดยปราศจากฝ่ายค้านหลักๆร่วมชิงชัยเนื่องจากถูกตัดสิทธิออกไปก่อนแล้ว
ทั้งนี้ มีการจับตาอย่างมากว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวนายฮุน มาเนต หรือพลเอกฮุน มาเนต ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของสมเด็จฮุน เซน ในฐานะผู้นำคนต่อไปของกัมพูชาอย่างเป็นทางการด้วยเลยหรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้ สมเด็จฮุน เซน เคยเปิดเผยกับสื่อจีนว่า พลเอกฮุน มาเนต สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ใน 3-4 สัปดาห์นับจากนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารประเทศ ซึ่งการประกาศดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำชัดเจนถึงบทบาททางการเมืองของฮุน มาเนต ที่น่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ฮุน มาเนต สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในประเทศตะวันตก คือโรงเรียนเตรียมทหารที่เวสต์ พอยต์ รวมทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งในสหรัฐฯ และอังกฤษ จุดนี้ทำให้หลายคนมองว่า เขาอาจจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงได้ แต่คำถามสำคัญก็คือ เขาจะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่ก้าวออกมาจากใต้เงาของสมเด็จฮุน เซน ผู้เป็นพ่อที่ครองอำนาจมาเกือบ 4 ทศวรรษจนได้ชื่อว่าเป็นผู้นำประเทศที่ครองอำนาจได้ยาวนานที่สุดคนหนึ่งในโลก (กว่า 38 ปี) ได้หรือไม่