รัสเซียถล่ม “โอเดสซา” เมืองมรดกโลกของยูเครน สหรัฐอนุมัติ 7 พันล้านช่วยเคียฟ

15 ส.ค. 2566 | 02:09 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ส.ค. 2566 | 02:16 น.

รัสเซียส่งขีปนาวุธและโดรนถล่ม “โอเดสซา” เมืองมรดกโลกทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศยูเครน ขณะที่เพนตากอนประกาศอนุมัติความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 7,051 ล้านบาท ให้กับรัฐบาลกรุงเคียฟ

 

สถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังคงดุเดือด โดยวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางการยูเครนเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซีย ได้ยิงขีปนาวุธและโดรนถล่มเมืองท่า โอเดสซา ที่ได้ชื่อว่า “ไข่มุกทะเลดำ” และเป็น เมืองมรดกโลก ทางชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครนอย่างหนัก

ภาพที่หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินยูเครนเผยแพร่ออกมาเมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ขณะกำลังพยายามดับไฟที่โหมไหม้ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองโอเดสซหลังถูกโจมตีโดยฝ่ายรัสเซียเมื่อช่วงค่ำ

เหลือแต่ซากปรักหักพังหลังถูกโจมตี

เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า การโจมตีโดยรัสเซียครั้งนี้ พุ่งเป้าเมืองโอเดสซา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน แม้ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของยูเครนจะยิงโดรน 15 ลำและขีปนาวุธ 8 ลูกที่มอสโกส่งเข้ามา ตกไปได้ก็ตาม แต่เศษซากจากอาวุธรัสเซียที่ฝ่ายยูเครนยิงตกเหล่านี้ ได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างต่าง ๆ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนบนพื้นดิน

รถดับเพลิงฉีดดับไฟที่เผาผลาญซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ในเมืองโอเดสซา เมืองท่าสำคัญของยูเครน ราบเป็นหน้ากลอง

สถานการณ์ในทะเลดำถือว่าอันตราย

สถานการณ์ตามเมืองท่ารอบ ๆ ทะเลดำยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ เนื่องจากมีเรือขนส่งสินค้าจำนวนมากทอดสมอไม่ออกเรือ หลังกองทัพเรือรัสเซียได้ยิงปืนใหญ่เตือนเรือสินค้าลำหนึ่งที่ติดธงสาธารณรัฐปาเลาเมื่อวันอาทิตย์ (13 ส.ค.) ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรืออิซมาอิลในยูเครน

กระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้ออกมาประณามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ โดยระบุว่าการกระทำของกองทัพรัสเซียเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเรียกร้องให้ประชาคมโลก “ดำเนินการอย่างเด็ดขาด” เพื่อป้องกันการกระทำของรัสเซียที่จะขัดขวางเส้นทางเดินเรืออันสงบสุขผ่านทะเลดำ

ยูเครนยังร้องขอให้นานาประเทศพันธมิตร ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับความพยายามที่จะปกปักษ์รักษาแนวคิดริเริ่มเกี่ยวกับการขนส่งลำเลียงธัญพืชผ่านทะเลดำให้มีความปลอดภัยให้ได้ เพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับประกันความมั่นคงทางอาหารโลกเอาไว้

สหรัฐอนุมัติความช่วยเหลือทางทหาร 200 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) เช่นเดียวกัน ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศให้ความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่แก่รัฐบาลยูเครนคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 7,051 ล้านบาท โดยจะเป็นเงินที่มาจากงบประมาณ 6,200 ล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่งใช้อำนาจเบิกถอน และเป็นกระบวนการที่ไม่ต้องผ่านการรับรองของรัฐสภาซึ่งจะทำให้การจัดส่งอาวุธเกิดได้รวดเร็วขึ้น

นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานในเรื่องนี้ระบุในแถลงการณ์ว่า ความช่วยเหลือจากสหรัฐรอบนี้ ประกอบด้วย

  • อาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการต่อต้านการโจมตีทางอากาศ
  • กระสุนปืนใหญ่
  • อาวุธต่อสู้รถหุ้มเกราะ
  • และ อุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับการขจัดทุ่นระเบิด

เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังดูแลคำของบประมาณเพิ่มเติมชุดใหม่เพื่อให้การนำส่งอาวุธไปยังกรุงเคียฟเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง

รมว.ต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์ล่าสุดด้วยว่า “ทุกวันๆ รัสเซียยังคงเข่นฆ่าพลเรือนชาวยูเครนและทำลายโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอยู่ตลอดเวลา และยังทำให้ความอดอยากกลายมาเป็นอาวุธ ทำให้สถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารของโลกรุนแรงขึ้น ด้วยการทำลายท่าเรือพลเรือนและโครงสร้างที่เก็บธัญพืชของยูเครน”

กลาโหมจีนเยือนรัสเซียตอกย้ำสัมพันธ์แน่นปึ้ก

นายหลี่ ช่างฝู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน กำลังอยู่ระหว่างการเยือนรัสเซียและเบลารุสเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนสองประเทศพันธมิตรที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากมาตรการลงโทษของชาติตะวันตก เนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ในการเดินทางเยือนสองประเทศอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 6 วันนี้ รมต.หลี่มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Moscow Conference on International Security และเข้าพบผู้นำทางทหารของรัสเซียและประเทศอื่น ๆ จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศจีนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของทางการ

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวทาสส์ (TASS) สื่อใหญ่ของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า ตัวแทนจากราว 100 ประเทศและ 8 องค์กรระหว่างประเทศได้รับเชิญเข้าร่วมงานดังกล่าวที่จะเริ่มเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ (15 ส.ค.)