การเดินทางของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในช่วงระหว่างวันที่ 18 - 22 กันยายน 2566 ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติร่างเอกสารท่าทีไทยแล้วรวม 4 ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ
พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และประกาศความมุ่งมั่นของไทยบนพื้นฐานของร่างประเด็นในประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศ สำหรับการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
รวมทั้งเห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ด้วย
สำหรับร่างเอกสารท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ทั้ง 4 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ตามร่างระเบียบวาระการประชุม UNGA78 ซึ่งประกอบด้วย 177 ระเบียบวาระ ภายใต้ 9 หมวด ได้แก่
เป็นผลจากกระบวนการเจรจาระหว่างคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ระดับผู้นำ มีสาระสำคัญกล่าวถึงการดำเนินการเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมายของสหประชาชาติ
รวมทั้งการดำเนินการในการขจัดความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อาทิ ความยากจน วิกฤตด้านอาหาร ความไม่เท่าเทียมทางเพศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงผลพวงจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ครอบคลุมประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญในกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มีความเชื่อมโยงกับหมุดหมายต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) ในสามหัวข้อหลัก ได้แก่ การลดความเหลื่อมล้ำ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายต่าง ๆ ทั้ง
มีพื้นฐานจากร่างปฏิญญาฯ ฉบับปี ค.ศ. 2021 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ให้ไทยร่วมรับรอง โดยมีสาระสำคัญ คือ