หลายประเทศ แถลงเตือนพลเมือง ของตนเองให้รีบ อพยพออกจากเลบานอน หลังการเผชิญหน้าที่ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นในบริเวณชายแดน เลบานอน ติดกับ อิสราเอล นั้น ในขณะนี้ "น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง" ขณะเดียวกัน การโจมตีโรงพยาบาลในเขตฉนวนกาซาที่ทำให้พลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 500 รายเมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) ก็ได้ทำให้เกิด การประท้วงอิสราเอล หนักขึ้น ทั้งในถนนกลางกรุงเบรุต (เมืองหลวงของเลบานอน) และชานเมือง รวมทั้งบริเวณใกล้กับสถานทูตสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส กระทั่งกลายเป็นการจลาจลและตำรวจต้องเข้าควบคุมผู้ประท้วงด้วยแก๊สน้ำตา
สถานการณ์สุ่มเสี่ยงอันตรายดังกล่าวทำให้สถานทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงเบรุต ออกแถลงการณ์แนะนำให้พลเมืองอเมริกัน ออกจากเลบานอนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเป็นผลสืบเนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส “ขอแนะนำให้พลเมืองสหรัฐในเลบานอน เตรียมการที่เหมาะสมในการออกนอกประเทศ” แถลงการณ์ระบุ
สถานการณ์ในเลบานอน ที่มีพรมแดนติดกับซีเรียและอิสราเอล น่าเป็นห่วงอย่างมาก ทั้งนี้ หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี(19 ต.ค.) กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์กล่าวว่า ได้ยิงจรวด 30 ลูกจากเลบานอนตอนใต้ไปยังภาคเหนือของอิสราเอล นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้ใช้ขีปนาวุธนำวิถี โจมตีเป้าหมายที่มั่นของอิสราเอลอีกหลายแห่ง ขณะที่กองทัพอิสราเอล กล่าวว่า ได้ตอบโต้การโจมตีที่เข้ามาจากฝั่งเลบานอนเช่นกัน
สำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศส ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 21 รายจากเหตุเพลิงไหม้ข้ามพรมแดนในเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นนักรบ แต่ก็มีพลเรือน 3 คน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามรายในฝั่งอิสราเอล