สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุขกาซา ที่เปิดเผยวานนี้ (16 พ.ย.) ระบุว่า ทหารอิสราเอล ได้นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่ใน โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดใน เขตฉนวนกาซา และได้ทำลายรถยนต์ที่จอดในพื้นที่ แต่ไม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยออกจากพื้นที่โรงพยาบาล ทำให้สถานการณ์ยังคงทวีความตึงเครียด ขณะที่ทางการอิสราเอลได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนใน 4 เมืองทางตอนโต้ของฉนวนกาซาอพยพออกจากพื้นที่ ส่งสัญญาณว่าสงครามอาจขยายวงกว้างออกไปอีก
อัชราฟ อัล-กีดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา เปิดเผยว่า ขณะนี้ไม่มีทั้งน้ำ อาหาร หรือนมสำหรับเด็กๆ ในโรงพยาบาล ซึ่งมีผู้ป่วยราว 650 ชีวิต นอกจากนี้ ยังมีพงเรือนอีกราว 7,000 คนที่ถูกภาวะสงครามบังคับให้ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น จากการโจมตีทางอากาศและการถล่มด้วยระเบิดโดยกองทัพอิสราเอล พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องว่า “เราขอให้กองกำลังที่เข้าปิดล้อมพื้นที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ออกไป เพื่อให้(เจ้าหน้าที่) สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ”
ทั้งนี้ ทีมแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยหลายสิบคนรวมทั้งเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด 3 คนต้องเสียชีวิตลง เพราะโรงพยาบาลไม่มีเชื้อเพลิงและสิ่งของจำเป็นพื้นฐานเพียงพอภายหลังการบุกยึดโรงพยาบาลโดยกองทัพอิสราเอลเมื่อช่วงเช้าวันพุธ (15 พ.ย.) ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ได้มีความพยายามประสานงานเพื่ออพยพผู้ป่วยด้วยเหตุผลด้านการแพทย์ในรพ. อัล-ชิฟา แต่ติดปัญหาเรื่องความปลอดภัย ข้อจำกัดในการอพยพ และไม่สามารถติดต่อผู้คนภายในพื้นที่ได้เลย WHO ระบุว่า มีผู้ป่วยราว 600 คนอยู่ที่นั่น ซึ่ง 27 คนในนั้นเป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤต
รอยเตอร์รายงานว่า โรงพยาบาลอัล-ชิฟา เป็นเป้าหมายสำคัญในการบุกของทหารอิสราเอล ที่อ้างว่าสถานที่แห่งนี้เป็น "หัวใจ" ของปฏิบัติการของฮามาส กองทัพอิสราเอลระบุว่า ภายใต้โรงพยาบาลแห่งนี้มีอุโมงค์ ที่ฮามาสใช้เป็นศูนย์บัญชาการอยู่
ทางการสหรัฐยืนยันข้อมูลสนับสนุนการอ้างของอิสราเอลในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ภายหลัง 24 ชั่วโมงที่ทหารอิสราเอลบุกพื้นที่กลุ่มอาคารของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทางอิสราเอลก็ยังไม่สามารถเปิดเผยหลักฐานการมีอยู่ของศูนย์บัญชาการฮามาสที่ว่านั้นได้ ขณะที่โฆษกกลุ่มฮามาสออกมาระบุว่า วิดีโอที่อิสราเอลเผยแพร่ว่ามีอาวุธต่าง ๆ สั่งสมอยู่ในพื้นที่โรงพยาบาลนั้น เป็น “การจัดฉาก” ของฝ่ายอิสราเอลทั้งสิ้น
กองทัพอิสราเอลยืนยันจะปักหลักที่โรงพยาบาลต่อไป แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากรายงานของวันก่อนหน้า ที่มีการเผยแพร่ภาพของทหารอิสราเอลเปิดกล่องที่เขียนระบุว่าเป็น “อาหารเด็ก” และ “อุปกรณ์การแพทย์” และพบว่ามีอาวุธอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้
ข่าวระบุว่า ฝ่ายกองทัพอิสราเอลได้พาทีมช่างภาพของสำนักข่าวบีบีซีเข้าไปในโรงพยาบาลดังกล่าว และแสดงให้เห็นว่ามีปืนไรเฟิลที่อ้างว่าถูกพบในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม บีบีซีเผยว่า กองทัพอิสราเอลได้เกาะติดทีมงานไปทุกๆที่ และห้ามไม่ให้พูดคุยกับผู้ป่วยหรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลแต่อย่างใด ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ก็ไม่สามารถติดต่อกับศัลยแพทย์หรือบุคคลอื่น ๆ ในโรงพยาบาล มาเป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมงหลังปฏิบัติการบุกโรงพยาบาลของกองทัพอิสราเอลเมื่อวันพุธ (15 พ.ย.)
อิสราเอลได้สั่งอพยพประชาชนใน 4 เมืองทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) โดยใช้เครื่องบินรบบินโปรยใบปลิวในช่วงกลางคืน เพื่อแจ้งล่วงหน้าให้ประชาชนอพยพจากเมืองบานิ ชูไฮลา เมืองคูซา เมืองอาบาสซัน และคารารา ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา
ข่าวระบุว่า 4 เมืองดังกล่าวมีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 100,000 คนในช่วงเวลาปกติ แต่หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้น พื้นที่เหล่านี้ได้กลายเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมาก โดยพวกเขาอพยพมาจากทางตอนเหนือของกาซาซึ่งเป็นพื้นที่แรกๆที่อิสราเอลบุกเข้าโจมตีโดยมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนอพยพในลักษณะเดียวกันนี้
ท่าทีของอิสราเอลทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่แผนการต่อไปว่าอิสราเอลจะเดินหน้าอย่างไรในกาซา หลังจากนายไอแซก เฮอร์ซอก ประธานาธิบดีอิสราเอล ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส ว่า กองกำลังอันแข็งแกร่งของอิสราเอล อาจต้องปักหลักในกาซาไปอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มฮามาสกลับมาอีกหลังสิ้นสุดสงคราม
อย่างไรก็ตาม ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของอิสราเอลกล่าวให้ความเห็นเมื่อวันพุธ (15 พ.ย.) ว่า การยึดครองกาซาอาจเป็น “ความผิดพลาดครั้งใหญ่” สำหรับอิสราเอล