การจัดอันดับของ Economist Intelligence Unit (EIU) เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสฯ (30 พ.ย.) ชี้ว่า วิกฤตค่าครองชีพทั่วโลก นั้นยังห่างไกลจากคำว่า “สิ้นสุด” โดยในปีนี้ สิงคโปร์ ยังคงครองแชมป์เป็น เมืองที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ตลอดช่วง 11 ปีที่ผ่านมา จากการที่ราคาสินค้าพุ่งสูงในทุกประเภท อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทางในสิงคโปร์ก็สูงที่สุดในโลก เนื่องจากการควบคุมของรัฐในการจำกัดปริมาณรถยนต์ในสิงคโปร์ และยังเป็นประเทศที่มีราคาเสื้อผ้า สินค้าอุปโภคบริโภค และแอลกอฮอล์ แพงที่สุดในโลกด้วย
ทางด้าน เมืองซูริค จาก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ก้าวกระโดดขึ้นอันดับมาครองแชมป์ร่วมกับสิงคโปร์ในปีนี้ได้ เป็นผลมาจากค่าเงินฟรังก์สวิสที่แข็งค่าขึ้น และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ถีบตัวสูง
ส่วนอันดับ 3 นั้นตกเป็นของเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ครองอันดับร่วมกันกับ มหานครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา ขณะที่อันดับ 5 ตกเป็นของฮ่องกง
มาที่อันดับ 6 ได้แก่ เมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา อันดับ 7 กรุงปารีส ฝรั่งเศส อันดับ 8 โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก อันดับ 9 เทลอาวีฟ อิสราเอล และอันดับ 10 ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทาง EIU ประเมินในฝั่งเอเชียจะเริ่มเห็นการปรับขึ้นของราคาสินค้าที่ลดลงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ในโลก โดยจะเห็นว่า เมืองใหญ่ในจีนและญี่ปุ่นต่างก็ไม่ติดอันดับเมืองค่าครองชีพสูงในปีนี้
ในรายงานของ EIU ยังพบว่า หลายเมืองทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าที่แพงขึ้นเนื่องจากเงินเฟ้อเพิ่มสูง สินค้าและบริการมากกว่า 200 รายการ แพงขึ้น 7.4% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ตามสกุลเงินท้องถิ่น แม้อัตราราคาสินค้าดังกล่าวต่ำกว่าปีก่อน 0.7% แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าระดับราคาสินค้าในช่วงปี ค.ศ. 2017-2021 (พ.ศ.2560-2564) อยู่ดี