สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน การเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ วานนี้ (1 ม.ค.) หลังเกิด แผ่นดินไหว ระดับ 7.6 แมกนิจูดทาง ภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น ในวันแรกของศักราชใหม่ โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่บริเวณคาบสมุทรโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะ และทางการได้สั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งเกือบแสนคน ขณะที่บางพื้นที่มีรายงานไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 30,000 ครัวเรือน ในเบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 6 ราย
ทั้งนี้ มีรายงานคลื่นสึนามิซัดเข้าชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะฮอนชู โดย กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ระบุว่า มีคลื่นความสูง 1.2 เมตรซัดเข้าสู่ท่าเรือวาจิมะ ในจังหวัดอิชิคาวะ นับเป็นการเกิดสึนามิขนาดใหญ่ครั้งแรกของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ที่ครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 (พ.ศ.2554) ซึ่งครั้งนั้นมีสึนามิหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเมืองฟุกุชิมะ
อัลจาซีรารายงานอ้างอิงสำนักข่าวเอ็นเอชเค สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นว่า มีคลื่นความสูงราว 1 เมตรซัดเข้าสู่ชายฝั่งด้านตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นด้านทะเลญี่ปุ่น โดยกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ประกาศแจ้งเตือนการเกิดสึนามิสำหรับจังหวัดนีงาตะและโทยามะ ซึ่งตั้งอยู่ชายฝั่ง
ส่วนการแจ้งเตือนการเกิดคลื่นสึนามิสำหรับจังหวัดอิชิคาวะซึ่งใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว ถูกปรับลดระดับการเตือนลงจาก “เตือนการเกิดสึนามิขนาดใหญ่” (สีม่วง) เป็น “เตือนการเกิดสึนามิ” (สีแดง) เท่านั้น
“ในพื้นที่ที่แผ่นดินไหวรุนแรง มีความเสี่ยงที่บ้านจะถล่มและเกิดเหตุดินถล่มเพิ่มขึ้น ดังนั้น โปรดระวังแผ่นดินไหวและสภาพฝนตกในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ต่อจากนี้ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก” เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุ
ณ เวลา 21.54 น. ตามเวลาท้องถิ่นวานนี้ (1 ม.ค.) ญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวรวมขนาดใหญ่และขนาดเล็กไปแล้วทั้งสิ้นถึง 73 ครั้ง และคาดว่าจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกเป็นสัปดาห์
ทั้งนี้ นอกเหนือจากจังหวัดอิชิคาวะแล้ว ยังมีอีก 5 จังหวัด ที่การเตือนภัยสึนามิเป็นระดับสีแดง คือ จังหวัดยามางาตะ จังหวัดนีงาตะ จังหวัดโทยามะ จังหวัดฟุกุอิ และจังหวัดเฮียวโงะ ซึ่งภายใต้ระดับคำเตือนสีแดงนั้น เจ้าหน้าที่ขอให้ประชาชนในพื้นที่ทำการอพยพทันที โดยให้หลบหนีไปยังพื้นที่ที่สูงขึ้น และอยู่ห่างจากชายฝั่งให้ไกลที่สุด
ในหลายพื้นที่ หน่วยกู้ภัยยังคงเร่งระดมช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง ทางการญี่ปุ่นได้ระดมกำลังพลในกองทัพมาช่วยประสานความร่วมมือกับหน่วยกู้ภัยด้วย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แจ้งรายงานเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวที่จังหวัดอิชิคาวะ จากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากาช่วงคืนวันจันทร์ ( 1 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า ทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ มีสึนามิขนาด 3 เมตร และจังหวัดเกียวโต มีสึนามิความสูงขนาด 1 เมตร อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรากฏรายงานคนไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติครั้งนี้
และจนถึงขณะนี้ ท่าอากาศยานคันไซยังไม่มีประกาศเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน ส่วนรถไฟ JR West ได้ประกาศว่ามีบางสายในภูมิภาคคันไซที่ระงับหรือล่าช้า ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ : https://www.kansai-airport.or.jp/en/ และรถไฟสาย JR West : https://www.westjr.co.jp/global/en/
สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น (ซึ่งเร็วกว่าไทยราว 2 ชั่วโมง) ครัวเรือนใน 3 จังหวัด ได้แก่ อิชิคาวะ นีงาตะ และโทยามะ จำนวนรวมประมาณ 33,000 ครัวเรือนยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ และมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นจำนวนมากถูกนำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากอาการกระดูกแตกหักและบาดเจ็บจากสิ่งของหนักตกใส่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามรวบรวมตัวเลขความเสียหาย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้
โรงพยาบาลในเมืองซูสุ จังหวัดอิชิคาวะ แจ้งว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ถนนเสียหายกระทั่งแพทย์ไม่สามารถเดินทางมายังโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกทยอยส่งมายังโรงพยาบาลจำนวนมากขึ้น และทางโรงพยาบาลยังต้องใช้เครื่องปั่นไฟสำรองเนื่องจากเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
ขณะเดียวกัน บริษัทเอ็นทีที โดโคโม ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่เผยว่า บริษัทไม่สามารถให้บริการโทรศัพท์และบริการส่งข้อความในหลายพื้นที่ของจังหวัดอิชิคาวะและนีงาตะ ขณะที่บริการอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ใยแก้วและบริการโทรศัพท์ ไอพีโฟน มีปัญหาในบางพื้นที่ของจังหวัดอิชิคาวะ ข่าวระบุว่า บริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แบงก์ ราคูเท็น โมไบล์ หรือเคดีดีไอ ต่างก็ประสบปัญหาในการให้บริการเช่นเดียวกัน เนื่องจากโครงข่ายโทรคมนาคมในพื้นที่อิชิคาวะได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ยังคงสามารถให้บริการส่งข้อความเตือนภัยและรับข้อความจากผู้ประสบภัย ที่ยังสามารถแจ้งสถานะของตนเองเข้าสู่ระบบและสามารถตรวจสอบข้อความได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน และเครื่องคอมพิวเตอร์