ล่าสุดวานนี้ (29 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐอเมริกา นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ยืนยันว่า สหรัฐ ไม่ต้องการขยายวงใน การทำสงครามกับอิหร่าน หลังเกิดเหตุการณ์ทหารสหรัฐ 3 นายได้เสียชีวิตในจอร์แดนจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่มีอิหร่านหนุนหลัง ขณะที่ 34 นายได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่ทหารสหรัฐเสียชีวิตจากการโจมตีของศัตรูนับตั้งแต่ที่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 7 ต.ค.2566
"เราไม่ต้องการขยายวงในการทำสงครามในภูมิภาค แต่เราจะทำในสิ่งที่เราต้องทำ" นายเคอร์บีกล่าว ท่ามกลางแรงกดดันที่มีมากขึ้นในสภาคองเกรสที่สมาชิกหลายรายออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีคำสั่งให้โจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ต่อการที่ทหารสหรัฐต้องมาเสียชีวิตจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่มีอิหร่านหนุนหลัง
นายลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกจากรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นหนึ่งผู้เรียกร้องให้สหรัฐลงมือ “สั่งสอน” อิหร่าน กล่าวว่า "ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลของนายไบเดนสั่งการให้มีการโจมตีเป้าหมายในอิหร่าน ไม่ใช่เพียงเพื่อตอบโต้ต่อการที่ทหารของเราเสียชีวิต แต่เพื่อป้องปรามการรุกรานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต"
ขณะที่นายโรเจอร์ วิกเกอร์ วุฒิสมาชิกจากรัฐมิสซิสซิปปี กล่าวสนับสนุนแนวคิดข้างต้นว่า "เราต้องตอบโต้ด้วยการโจมตีไปยังเป้าหมายในอิหร่าน ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินการของรัฐบาลไบเดนกลับกลายเป็นการเชิญชวนให้มีการโจมตีมากขึ้น"
กองบัญชาการกลางสหรัฐแถลงว่า ทหารสหรัฐเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บอีกหลายสิบนายนั้นเป็นผลจากการโจมตีด้วยโดรน โดยฐานทัพสหรัฐที่ถูกโจมตีนั้นตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์แดนใกล้กับพรมแดนซีเรีย เป็นฐานทัพที่มีชื่อว่า Tower 22 และเป็นจุดที่ทหารหน่วยที่รับผิดชอบสนับสนุนกองกำลังจอร์แดนใช้เป็นฐานปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลจอร์แดนรายงานว่า นายมูฮันหนัด มูไบดิน โฆษกรัฐบาลจอร์แดน ยืนยันว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นนั้น เกิดที่ฝั่งซีเรีย ไม่ใช่ฝั่งตน
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐใช้พื้นที่จอร์แดนที่มีพรมแดนติดกับอิรัก อิสราเอล และเขตเวสต์แบงก์ของชนชาวปาเลสไตน์ รวมทั้ง ซาอุดีอาระเบียและซีเรีย เป็นฐานที่มั่นมาโดยตลอด ปกติจะมีเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันประจำอยู่ในจอร์แดนราว 3,000 นาย
กลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ในอิรัก ซึ่งมีอิหร่านให้การสนับสนุน อ้างความรับผิดชอบต่อการใช้โดรนโจมตีฐานทัพสหรัฐ 3 แห่งในซีเรีย และฐานทัพเรือสหรัฐ 1 แห่งในอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) เพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐให้การสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
ด้านนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องทหารอเมริกัน หลังเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว "ผมขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของทหาร 3 นายของเราในจอร์แดน รวมทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้"
ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนซึ่งเผชิญเเรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ จากฝ่ายการเมืองที่ต้องการให้สหรัฐโจมตีตอบโต้อิหร่านโดยตรงหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ให้คำยืนยันว่า สหรัฐจะตอบโต้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใด ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นับตั้งเเต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2566 กองกำลังอเมริกันในตะวันออกกลาง ต้องตกเป็นเป้าการโจมตีกว่า 150 ครั้งโดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านทั้งในอิรัก ซีเรีย จอร์เเดน และบริเวณนอกชายฝั่งเยเมน
นักการเมืองรีพับลิกันกล่าวหาไบเดนว่าปล่อยให้ทหารอเมริกันเป็น “เป้านิ่ง” และชี้ว่า ไบเดนต้องโจมตีอิหร่าน
“เขาปล่อยให้ทหารของเราเป็นเป้านิ่ง” วุฒิสมาชิกทอม คอตตอน จากพรรครีพับลิกันกล่าว และว่า การตอบโต้เดียวที่ควรมีต่อการโจมตีเหล่านี้ คือการตอบโต้ทางการทหารที่สร้างความเสียหายอย่างย่อยยับต่อกองกำลังก่อการร้ายของอิหร่าน ทั้งในอิหร่านและทั่วทั้งตะวันออกกลาง
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ผู้ซึ่งตั้งเป้าเป็นตัวเเทนพรรครีพับลิกันลงเลือกตั้งในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากไบเดนปีนี้ กล่าวว่า การโจมตีทหารอเมริกันที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) เป็นผลโดยตรงจาก “ความอ่อนแอและการยอมเเพ้” ของไบเดน
แม้แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บางคนจากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ยังแสดงความเห็นต้องการให้ปธน.ไบเดนสั่งการโจมตีอิหร่านเช่นกัน นางบาร์บารา ลี สส.เดโมแครตกล่าวว่า ขณะนี้ เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์เตลิดไปไกลเกินการควบคุม และสหรัฐ รวมทั้งทหารอเมริกันกำลังตกอยู่ในอันตราย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปธน.ไบเดนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐได้ดำเนินการด้วยความพยายามอย่างยิ่งในการปกป้องทหารอเมริกันในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สหรัฐได้โจมตีกลุ่มที่เชื่อมโยงกับอิหร่านที่ปฏิบัติการอยู่ภายนอกอิหร่านหลายครั้งด้วยกัน เช่นล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กองทัพอเมริกันรายงานว่า ได้สร้างความเสียหายต่อสถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกใช้โดยกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลังและโดยกองกำลังของรัฐบาลเตหะรานด้วย
สส.เซ็ธ มูลตัน จากพรรคเดโมเเครต ที่เคยร่วมปฏิบัติการกับกองทัพอเมริกัน 4 ครั้งในฐานะนาวิกโยธินที่ประเทศอิรัก กล่าวเตือนนักการเมืองรีพับลิกันที่ออกมาเรียกร้องให้อเมริกาก่อสงคราม
เขากล่าวว่า การพยายามป้องปรามสงครามไม่ให้ลุกลามนั้นเป็นเรื่องยาก แต่การก่อสงครามเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า เขาเสนอแนะว่า สหรัฐควรมีการตอบโต้อย่างมียุทธศาสตร์และมีประสิทธิภาพ ภายใต้เงื่อนไขและกรอบเวลาที่สหรัฐเป็นผู้กำหนดเอง
ด้านผู้เชี่ยวชาญอย่างโจนาธาน ลอร์ด ผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงตะวันออกกลางที่ ศูนย์ Center for a New American Security เตือนว่า การโจมตีของสหรัฐเข้าไปที่อิหร่านโดยตรง อาจทำให้เตหะรานตอบโต้กลับอย่างรุนเเรงได้ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์บานปลาย
ขณะที่ชาลส์ ลิสเตอร์ แห่งสถาบันตะวันออกกลาง (Middle East Institute) ที่กรุงวอชิงตัน กล่าวเสริมว่า สิ่งที่สหรัฐน่าจะทำได้ คือ การพุ่งเป้าโจมตีแบบเฉพาะเจาะจงไปที่นักรบคนสำคัญ ๆ ในกลุ่มที่อิหร่านสนับสนุนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในอิรักหรือซีเรีย
ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใดก็ตาม ล้วนแล้วสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เชื้อไฟสงครามในตะวันออกกลางปะทุลุกลามขยายขอบเขตออกไปมากกว่าที่เป็นอยู่เป็นอย่างยิ่ง