สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโตเกียว ประกาศเตือนผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊กในวันนี้ (5 ก.พ.) ขอให้ชาวไทยระมัดระวังและรักษาตัวให้ปลอดภัย หลังสำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยหิมะตกหนักในภูมิภาคคันโต-โคชิน ซึ่งรวมถึงกรุงโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียงระหว่างช่วงเที่ยงวันนี้ ไปจนถึงช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) โดยอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทาง เช่น ถนนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ หรือรถไฟอาจหยุดให้บริการ
ทั้งนี้ รายละเอียดเนื้อความในประกาศของสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงโตเกียวระบุว่า "สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวขอแจ้งว่า ในวันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2567) สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ประกาศเตือนภัยหิมะตกหนักในภูมิภาคคันโต-โคชิน ซึ่งรวมถึงกรุงโตเกียวและพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดการณ์ว่า อาจเกิดหิมะตกหนักตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันนี้จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทาง เช่น ถนนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ รถไฟอาจหยุดให้บริการ
กรณีจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางขอให้เปลี่ยนเป็นยางรถยนต์สำหรับวิ่งบนถนนที่มีหิมะหรือน้ำแข็งเกาะ (snow tire) หรือใส่โซ่ล้อ นอกจากนี้ สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นยังได้ประกาศเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอุบัติเหตุลื่นล้มด้วย
ในการนี้ ขอให้ชาวไทยที่พักอาศัยในบริเวณดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง โปรดใช้ความระมัดระวังและดูแลรักษาตัวให้ปลอดภัย รวมทั้งติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เช่น สำนักข่าว NHK ทางเว็บไซต์ https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/ หรือ application NHK ในโทรศัพท์มือถือ
กรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ HOTLINE 090-4435-7812"
จากคาดการณ์ที่ว่า จะมีหิมะตกหนักในวันนี้ (5 ก.พ.) ณ ที่ราบคันโตของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงโตเกียว สายการบินต่าง ๆ ของญี่ปุ่นจึงได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยว โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า
นายเคนอิจิ คิเนบุจิ นักพยากรณ์อากาศกล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า "เราขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังเกี่ยวกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงและอุบัติเหตุต่าง ๆ ในเช้าวันพรุ่งนี้ขณะเดินทางไปทำงาน ... เนื่องจากคาดว่าจะมีหิมะตกหนักในเย็นวันนี้ (5 ก.พ.) เราจึงขอแนะนำให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านเร็วขึ้น"
กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นยังมีมาตรการป้องกัน โดยกำหนดให้มีการปิดให้บริการทางหลวงพิเศษบางเส้นทาง โดยขอความร่วมมือประชาชนตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง ขณะที่สถานศึกษาและสถานประกอบการบางแห่งบอกให้ผู้คนกลับบ้านตั้งแต่ช่วงบ่าย เพื่อให้มีเวลารับมือหากระบบขนส่งเกิดความล่าช้าด้วย