สถาบันมิลเคนของสหรัฐ (Milken Institute) เปิดเผย ดัชนีโอกาสด้านการลงทุนระดับโลก (Global Opportunity Index) หรือ GOI พบว่า ประเทศไทยครองอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา (E&D) ในภูมิภาคเอเชีย รองจากมาเลเซีย ที่มาเป็นอันดับ 1
ดัชนี GOI ถือเป็นดัชนีอ้างอิงที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก และบ่งชี้มุมมองเกี่ยวกับความน่าดึงดูดและกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศ
ในการจัดทำดัชนี GOI สถาบันมิลเคนประเมินโอกาสด้านการลงทุนผ่านทางปัจจัยชี้วัด 100 รายการ แบ่งออกเป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่
ทั้งนี้ ประเทศ 10 อันดับแรกในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา (E&D) ของภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย ไทย จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย มองโกเลีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
ซึ่งเมื่อพิจารณาตามอันดับ GOI ประจำปี 2567 พบว่า 10 ประเทศดังกล่าว มีอันดับดังนี้
ส่วนสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ติดอันดับ 14 ของโลกตามการจัดอันดับ GOI ประจำปี 2567
รายงานระบุว่า กลุ่มประเทศ E&D ในภูมิภาคเอเชียสามารถดึงดูดเงินทุนมากกว่าครึ่งหนึ่ง (53.2%) ของทั้งหมดที่ไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศ E&D ทั่วโลกในระหว่างปี 2561-2565
แมกกี สวีเทค ผู้อำนวยการอาวุโสของสถาบันมิลเคน เปิดเผยว่า ถึงแม้กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีความได้เปรียบด้านเสถียรภาพ แต่นักลงทุนที่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนสูง ยังคงแสดงความสนใจเข้าลงทุนในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา (E&D )
สำหรับประเทศที่อยู่ใน 10 อันดับแรกตาม การจัดอันดับ GOI ประจำปี 2567โดยภาพรวมทั้งหมดนั้น พบว่า ยุโรปครอง 4 ใน 5 อันดับแรกประเทศเป้าหมายยอดนิยมของนักลงทุน ซึ่ง 5 อันดับแรกที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ เดนมาร์ก สวีเดน ฟินแลนด์ สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร
อันดับ 6 ถึง 10 ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และไอร์แลนด์ ขณะที่ญี่ปุ่นติดอันดับที่ 16
สถาบันมิลเคนเผยว่า ประเทศเดนมาร์กครองอันดับ 1 ของปีนี้ โดยได้คะแนนสูงสุดในด้านการรับรู้ทางธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความยากง่ายในการทำธุรกิจในประเทศนั้น ๆ รวมถึงตัวชี้วัดด้านกฎระเบียบอื่น ๆ
นอกจากนี้ เดนมาร์กยังได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในด้านพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมศักยภาพทางเศรษฐกิจระดับมหภาค ขีดความสามารถของแรงงาน ตลอดจนความพยายามในการสร้างเศรษฐกิจและสังคมที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน
ขณะที่สหรัฐอเมริกา มาเป็นอันดับ 4 โดยขยับขึ้นมาหนึ่งขั้นจากปีก่อนหน้า และคว้าคะแนนสูงสุดในด้านโครงสร้างเชิงสถาบัน ซึ่งติดตามความสามารถของสถาบันในประเทศในการปกป้องสิทธิและทรัพย์สินของนักลงทุน นอกจากนี้ สหรัฐยังติดอันดับ 5 ในด้านบริการทางการเงิน ซึ่งประเมินระบบการเงินโดยรวมในประเทศ ตลอดจนการเข้าถึงบริการทางการเงิน
ส่วนฟินแลนด์คว้าอันดับ 3 โดยได้รับคะแนนสูงสุดในด้านมาตรฐานและนโยบายระหว่างประเทศ ซึ่งประเมินการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายของประเทศที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการกำกับดูแลและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา