แผ่นดินไหว ขนาด 7.5 แมกนิจูดที่เกิดขึ้นใน ไต้หวัน ช่วงเช้าวานนี้ (3 เม.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 9 ราย บาดเจ็บ 1,011 ราย และสูญหาย 143 ราย หลายพื้นที่ยังคงประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งในอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปคอมพิวเตอร์ หลายรายของไต้หวัน จำเป็นต้องปิดโรงงานบางแห่งเป็นการชั่วคราว และอพยพคนงานออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย หนึ่งในนั้นรวมถึงโรงงานของ บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค. หรือ ทีเอสเอ็มซี (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ผลิตชิปป้อนให้กับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกอย่าง แอปเปิล อิงค์ และเอ็นวิเดีย คอร์ป.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า TSMC จำเป็นต้องปิดโรงงานบางแห่งเป็นการชั่วคราววานนี้ (3 เม.ย.) และอพยพคนงานออกไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ไม่ได้ระบุว่า โรงงานที่ปิดการผลิตชั่วคราวนั้นเป็นสาขาใดของไต้หวัน อย่างไรก็ตาม บริษัทเผยว่าน่าจะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้โดยไว
แถลงการณ์ของ TSMC ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบความเสียหายกับอุปกรณ์เครื่องจักรสำคัญทุกเครื่องของโรงงาน รวมทั้งเครื่องผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยี ultraviolet lithography ขั้นสูง แต่มีความเสียหายบางส่วนที่เกิดขึ้นกับเครื่องมือการผลิตในบางโรงงาน บริษัทเชื่อว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้ตามปกติโดยใช้เวลาไม่นาน
ทั้งนี้ บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายอื่นๆที่เล็กกว่า เช่น บริษัทยูไนเต็ด ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ คอร์ป (United Microelectronics Corp: UMC) ก็เป็นอีกรายหนึ่งที่ประกาศยุติการผลิตเป็นการชั่วคราว และมีการอพยพคนงานออกจากพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางการผลิต คือที่เมือง Hsinchu และ Tainan เช่นกัน
ไต้หวันเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก มีบริษัทอย่าง TSMC และ ASE Technology Holding Co. เป็นผู้นำในตลาด ทั้งผลิตและประกอบชิปซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญป้อนให้กับผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ของโลกเพื่อใช้ในอุปกรณ์ต่างๆตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงรถยนต์ โรงงานของบริษัทผู้ผลิตชิปเหล่านี้มีเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ต้องอาศัยความแม่นยำมากเป็นพิเศษและอ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเทือน ดังนั้น แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจึงอาจมีผลต่อการผลิตชิปยกล็อตเลยก็เป็นได้
นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กระบุว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ที่มีต่อหุ้นของบรรดาบริษัทผู้ผลิตชิปน่าจะมีวงจำกัด เพราะยังมีความต้องการใช้ชิปสูงมาก หุ้นของ TSMC ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐยังขยับสูงขึ้น 1.6% เมื่อช่วงเช้าวันพุธ (3 เม.ย.) ขณะที่หุ้น UMC มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ด้านหน่วยวิจัยของธนาคารบาร์เคลย์ระบุว่า บริษัทเทคโนโลยีหลายรายของไต้หวันยังคงประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ การระงับการผลิตชั่วคราวในพื้นที่อุตสาหกรรมทางภาคเหนือของไต้หวันอาจหมายถึง “ภาวะชะงักงัน” ในการผลิตชิปที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งปกติแล้วเป็นกระบวนการผลิตที่ต้องดำเนินการอย่างราบรื่นต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
ด้วยเหตุที่ไต้หวันเป็นหมู่เกาะในแปซิฟิกที่ตั้งอยู่ในแนว “วงแหวนแห่งไฟ” (Ring of Fire) ซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณดังกล่าวเป็นต้นกำเนิดแผ่นดินไหวร้อยละ 90 ของโลกที่เกิดขึ้น การที่อุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญยิ่งยวดในหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่มนุษย์ใช้อยู่ทุกวันนี้ ตั้งอยู่ที่ไต้หวัน จึงเป็นความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะหากแผ่นดินไหวรุนแรงเกิดขึ้นที่ไต้หวัน ก็หมายความว่า การผลิตชิประดับไฮเอนด์ 80-90% ของโลกจะได้รับผลกระทบไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ ความคิดที่จะกระจายการผลิตชิปที่สำคัญๆออกจากไต้หวันไปยังฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ จึงมีมาเนิ่นนานแล้ว นอกจากความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติแล้ว ไต้หวันยังมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เป็นจุดที่เกิดการเผชิญหน้าทางการทหารและการเมืองระหว่างประเทศเป็นระยะๆอีกด้วย ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บริษัทผู้ผลิตชิปหลายรายของไต้หวัน รวมทั้ง TSMC พยายามกระจายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ เช่นกรณีของ TSMC มีการเข้าไปตั้งโรงงานผลิตชิปทั้งในญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา