“พายุสุริยะ”ระดับรุนแรง สัปดาห์นี้ ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารบนโลกอย่างไร

11 พ.ค. 2567 | 17:09 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2567 | 23:58 น.

“พายุสุริยะ” หรือ Solar Storm ระดับรุนแรงผิดปกติ และไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก อาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร และทำให้เกิดแสงเหนือในสหรัฐอเมริกาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า ผลกระทบดังกล่าวจะเป็นอย่างไรบ้าง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ประชาชนในบางพื้นที่ของ สหรัฐอเมริกา อาจมีโอกาสได้เห็นสิ่งที่คล้ายกับ แสงเหนือสีเขียว ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากอิทธิพลจาก “พายุสุริยะ” หรือ Solar Storm ในระดับรุนแรงผิดปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อดาวเทียม ระบบสื่อสาร และระบบนำทาง

ทั้งนี้ องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NOAA ได้ออกประกาศเตือนวานนี้ (11 พ.ค.) ว่า พายุสุริยะระดับรุนแรง ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ได้เดินทางมาถึงโลกในบ่ายวันศุกร์(ตามเวลาอเมริกา) และอาจจะส่งผลกระทบกินเวลาไปจนถึงช่วงเวลาสัปดาห์หน้า

NOAA เตือนเจ้าหน้าที่ในโรงผลิตไฟฟ้าและอากาศยานในวงโคจรโลก รวมถึงองค์การบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินให้ระมัดระวังผลกระทบที่จะมาจากดวงอาทิตย์

ร็อบ สตีนเบิร์ก นักวิทยาศาสตร์จาก NOAA ระบุว่า สำหรับแนวทางปฏิบัติของประชากรส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ก็คือ “ไม่จำเป็นจะต้องทำอะไร”

ภาพพายุสุริยะที่เคยเกิดขึ้นในปี 2014 จากองค์การนาซา

NOAA เปิดเผยว่า พายุสุริยะอาจทำให้เกิดแสงเหนือลงมาถึงพื้นที่รัฐแอละแบมา และตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาสถานการณ์ และย้ำว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นอาจจะเป็นแสงสีเขียวที่กระจัดกระจายมากกว่าม่านแสงเหนืออย่างที่เห็นทั่วไปในยุโรป

สตีนเบิร์กกล่าวว่า “นั่นคือของขวัญจากสภาพอากาศของอวกาศ” โดยเขาและทีมงานกล่าวด้วยว่า การถ่ายภาพท้องฟ้าด้วยโทรศัพท์มือถือน่าจะเป็นวิธีการที่ทำให้มองเห็นแสงเหนือ หรือ “ออโรรา” ได้ดีที่สุด

ทางด้านนายชอน ดาห์ล นักพยากรณ์อากาศอวกาศของ NOAA ให้รายละเอียดว่า พายุสุริยะครั้งนี้มีระดับความรุนแรงในระดับที่ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้กับสายไฟฟ้าแรงสูง แต่สายไฟฟ้าที่ใช้กันตามบ้านเรือนจะไม่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ ปรากฎการณ์พายุสุริยะดังกล่าว ยังอาจมีผลกระทบกับดาวเทียมในวงโคจรโลก ซึ่งอาจมีผลต่อการใช้งานระบบนำทางและสื่อสารบนพื้นโลก

จากสถิติในอดีตพบว่า ปรากฏการณ์พายุสุริยะที่เคยเกิดขึ้นในปี 2003 (พ.ศ.2546) ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในสวีเดน และสร้างความเสียหายให้หม้อแปลงไฟฟ้าหลายแห่งในทวีปแอฟริกาใต้

NOAA ระบุว่า พายุจากดวงอาทิตย์ครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเปลวสุริยะที่ปะทุขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงจรดาวฤกษ์ดวงนี้เมื่อถึงจุดสูงสุดของวงรอบ 11 ปี

ด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA กล่าวว่า พายุสุริยะจะไม่มีผลกระทบต่อนักบินอวกาศที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ แต่ระดับรังสีที่เพิ่มขึ้นอาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อมนุษย์ที่อยู่บนนั้น ซึ่งต้องไปหลบภัยในจุดที่มีการป้องกันสูง

เอพีรายงานว่า พายุสุริยะอาจสร้างความเสียหายให้ดาวเทียมวิทยาศาสตร์ ซึ่งทาง NASA จะต้องปิดอุปกรณ์ที่เปราะบาง อย่างไรก็ตาม อากาศยานที่ศึกษาเกี่ยวกับดวงอาทิตย์จะยังคงคอยจับตาดูปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

 

ข้อมูลอ้างอิง