จีนจ่อเก็บภาษี 25% รถยนต์สหรัฐ-อียู ตอบโต้หลัง EV จีนถูกกดดันหนัก

22 พ.ค. 2567 | 18:10 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2567 | 00:07 น.

หอการค้าจีนในกรุงบรัสเซลส์เปิดเผยโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า มีความเป็นไปได้ที่จีนจะเรียกเก็บภาษีรถยนต์หรูที่นำเข้าจากสหรัฐและอียูสูงขึ้น ที่อัตรา 25% เพื่อเป็นการตอบโต้การที่รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ของจีนเองถูกกดดันอย่างหนักทั้งในอเมริกาและยุโรป

หอการค้าจีนประจำสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยผ่านโพสต์บนบัญชี X (ทวิตเตอร์) วานนี้ (22 พ.ค.) ระบุ ได้รับแจ้งจาก “แหล่งข่าววงใน” ว่า มีความเป็นไปได้ที่ จีน จะ ขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้า จาก สหรัฐอเมริกาและอียู จากอัตราเดิม 15% เป็น 25% ท่ามกลางบรรยากาศการเผชิญหน้าทางการค้าที่ทวีความตึงเครียดมากขึ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา (อังคารที่ 14 พ.ค.) รัฐบาลสหรัฐประกาศเก็บภาษีสินค้าจีนหลายรายการในอัตราสูงขึ้น ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี นำเข้าจากจีนจะถูกเก็บภาษีสูงขึ้นสี่เท่าจากเดิม 25% เป็น 100% ภายในปีนี้ ส่วนอียูก็ใกล้จะประกาศผลการไต่สวนกรณีการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลจีน ซึ่งตามกำหนดนั้น หากอียูตัดสินว่าจะขึ้นภาษีรถอีวีจากจีน ก็จะต้องแจ้งต่อบริษัทผู้ส่งออกของจีนภายในวันที่ 5 มิถุนายนที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นก็จะมีผลบังคับใช้ 1 เดือนถัดไป

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนส่งสัญญาณการขึ้นภาษีมุ่งไปที่รถยนต์นำเข้าจากสหรัฐและอียูที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นภาษีของจีน พากันร่วงกราวรูดในวันพุธ (22 พ.ค.) โดยหุ้นเมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ราคาร่วงลงมากกว่า 2% ในช่วงต้นของการเปิดตลาด

“การขึ้นภาษีจะกระทบบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของอียูและสหรัฐ และจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ (ระหว่างจีน) กับอียู” หอการค้าจีนประจำสหภาพยุโรปซึ่งตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ระบุ

อียูสอบหนักอีวีจีน กรณีรัฐให้เงินอุดหนุนจนสินค้าล้นตลาด

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและอียู ร้อนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่ที่อียูประกาศเริ่มการไต่สวนกรณีรถอีวีนำเข้าจากจีน แม้ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางเยือนยุโรปเมื่อต้นเดือนพ.ค.นี้แต่ก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ผู้นำจีนพยายามสร้างความมั่นใจว่า อียูจะไม่มาแนวทางเดียวกับพันธมิตรอย่างสหรัฐ ที่ตั้งท่าเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มขึ้นหลายรายการในปีนี้และปีหน้า  

นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยยูเรเชียกรุ๊ป (Eurasia Group) ให้ความเห็นว่า การเตือนของจีนและท่าทีตอบโต้ทางการค้าจะไม่มีผลต่อการไต่สวนของอียู “บรัสเซลส์ต้องการที่จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนและจริงจังไปยังจีนผ่านทางการไต่สวนกรณีรถอีวีว่า อียูจะดำเนินการโต้ตอบมาตรการของจีนที่ให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมจนทำให้เกิดการผลิตสินค้าล้นตลาด”

ทั้งนี้ หอการค้าจีนในสหภาพยุโรปได้อ้างอิงถึงการให้สัมภาษณ์ของนายหลิว ปิน หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เทคโนโลยียานยนต์และการวิจัยของจีน ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์โกลบัล ไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันอังคาร (21 พ.ค.) ว่า เขาเรียกร้องให้รัฐบาลจีนขึ้นอัตราภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐและอียูที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 2.5 ลิตรโดยระบุสถิติว่า ในปีที่ผ่านมา (2566) จีนนำเข้ารถยนต์ในกลุ่มนี้จำนวน 250,000 คัน และกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ก็อนุญาตให้สามารถเก็บภาษีได้สูงสุดถึง 25% ขณะที่ปัจจุบัน จีนเก็บภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่นำเข้าจากอียูที่อัตราเพียง 15%

ในปี 2566 จีนส่งออกรถอีวีรวม 1.55 ล้านคัน ในจำนวนนี้ 40% เป็นการส่งออกไปยังตลาดยุโรป (ภาพจากไชน่า เดลี่)

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จีนยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสื่อสอบถามเข้าไป

รถหรูเครื่องยนต์ขนาดใหญ่เตรียมรับแรงกระแทก

แดเนียล คอลลาร์ (Daniel Kollar) ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาอินทราลิงค์ (Intralink) ฝ่ายอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้ความเห็นว่า ถ้าจีนขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จริง บริษัทผู้ผลิตที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป และบีเอ็มดับเบิลยู และถ้าไม่ได้จำกัดแค่รถยนต์จากอียูและอเมริกา โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป. ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นก็จะได้รับผลกระทบด้วยเป็นอันดับต้นๆ

ทั้งนี้ รถยนต์ส่วนใหญ่ที่จีนนำเข้าจากต่างประเทศ จะอยู่ในหมวดรถยนต์หรู (luxury segment) ซึ่งมีแบรนด์ดังอย่าง ปอร์เช่ ออดี้ และเรนจ์โรเวอร์ ติดอยู่ใน 10 อันดับต้นๆ (ข้อมูล ณ ปี 2566) รถหรูเครื่องยนต์ใหญ่อย่างเมอร์เซเดสรุ่น GLE SUV และ S-class รวมทั้งปอร์เช่ Cayenne SUV ซึ่งเป็นที่นิยม ก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนหากจีนปรับขึ้นภาษีขึ้นมาจริงๆ

กรณีที่จีนตัดสินใจขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 2.5 ลิตรแบบเหวี่ยงแหครอบคลุมไม่จำกัดสัญชาติ โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์หรูเล็กซัส (Lexus) ก็จะได้รับผลกระทบหนัก เพราะปีที่ผ่านมา (2566) รถเล็กซัสครองแชมป์รถยนต์หรูที่จีนนำเข้าเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน 180,000 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 5 ของรถนำเข้าทั้งหมด ซึ่งหากเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นจะเป็นฝ่าย “โดนลูกหลง” จากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐและอียู

สินค้าอื่นๆของยุโรป จ่อคิวถูกจีนโต้กลับ

นอกจากรถยนต์แล้ว จีนยังส่งสัญญาณว่าอาจตั้งกำแพงภาษีเพิ่มเพื่อเป็นการตอบโต้อียู โดยสินค้าในกลุ่มที่อาจถูกขึ้นภาษีตอบโต้ได้แก่ ไวน์ และผลิตภัณฑ์นมเนย ก่อนหน้านี้ จีนเปิดการไต่สวนบรั่นดีนำเข้าจากอียูอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ สินค้าจีนหลายประเภทอาจจะถูกกล่าวหาว่าได้ประโยชน์จากการได้เงินอุดหนุนและส่งออกมาล้นตลาดโลก แต่ระยะหลังๆไม่นานมานี้ สินค้าประเภทที่ถูกเพ่งเล็งมากเป็นพิเศษก็คือ บรรดารถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

สินค้าอียูในกลุ่มที่อาจถูกขึ้นภาษีตอบโต้จากจีน นอกจากรถยนต์แล้ว ยังได้แก่ ไวน์ และผลิตภัณฑ์นมเนย

ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศผู้ผลิตรถอีวีมากกว่าประเทศใดๆในโลก นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ครอบครองเครือข่ายซัพพลายเชนแบตเตอรี่รถอีวีอีกด้วย จีนขยายตลาดรถอีวีออกมายังต่างประเทศมากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจในประเทศเริ่มชะลอตัวและมีการแข่งขันด้านราคา

สถิติยอดส่งออกรถอีวีของจีนในปี 2566 คือ 1.55 ล้านคัน ในจำนวนนี้ 40% เป็นการส่งออกไปยังตลาดยุโรป

ข่าวระบุว่า นับตั้งแต่ที่อียูเริ่มการไต่สวนสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งนอกจากรถอีวีแล้วยังมีอีกหลากหลายอุตสาหกรรม บริษัทของจีนก็ทยอยถอนตัวออกจากโครงการประมูลด้านพลังงานและระบบขนส่งทางรางในยุโรป

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ประเด็นความขัดแย้งเกี่ยวกับการค้ายานยนต์ระหว่างจีนและอียู ควรได้รับการแก้ไขด้วยการเจรจาหารือ จีนรับทราบท่าทีของอียูเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็หวังว่าฝ่ายอียูจะยึดมั่นต่อพันธกิจในเวทีการค้าโลกคือการส่งเสริมการค้าเสรีและต่อต้านมาตรการใดๆที่เป็นการกีดกันทางการค้า   

 

ข้อมูลอ้างอิง