นายเบนนี แกนซ์ รัฐมนตรีใน คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล กล่าววานนี้ (24 พ.ค.) ยืนยัน อิสราเอล จะยังคงใช้ปฏิบัติการทางทหารใน เมืองราฟาห์ ต่อไป แม้ว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) หรือ ศาลโลก ซึ่งเป็นองค์กรระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีองค์กรหนึ่งของโลกที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎบัตรสหประชาชาติ มีคำสั่งออกมาแล้วเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ให้อิสราเอลยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์โดยทันที
"เราจะยังคงใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อไป ในขณะที่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อรักษาชีวิตพลเรือน ไม่ใช่เป็นเพราะศาลโลก แต่เป็นเพราะคุณค่าที่เรายึดถือ"
"รัฐอิสราเอลใช้ปฏิบัติการทางทหารที่จำเป็นและชอบธรรม หลังการสังหารหมู่ประชาชนของเรา การล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงของเรา การจับเด็กของเราเป็นตัวประกัน และการยิงจรวดใส่เมืองของเรา"
ทั้งนี้ เมืองราฟาห์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา มีพรมแดนติดกับประเทศอียิปต์ เป็นเมืองที่มีชาวปาเลสไตน์อพยพหนีภัยสงครามลงมาจากทางตอนเหนือของฉนวนกาซาจำนวนนับแสนๆคน อิสราเอลอ้างว่า เมืองราฟาห์คือที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มติดอาวุธฮามาสและเป็นที่หลบภัยของนักรบฮามาสจำนวนมากในช่วงเวลานี้ ซึ่งอิสราเอลมีความมุ่งมั่นที่จะกวาดล้างให้สิ้นซาก
นายแกนซ์ยังกล่าวด้วยว่า รัฐอิสราเอลมีความมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไปเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกัน และสร้างความมั่นคงแก่ประชาชน โดยยืนยันจะต่อสู้ในทุกที่ ซึ่งรวมถึงเมืองราฟาห์
ในวันเดียวกัน นายยาอีร์ ลาพิด ผู้นำฝ่ายค้านของอิสราเอล ได้กล่าวประณามคำสั่งของ ICJ ว่า ไม่ได้เชื่อมโยงการสู้รบในเมืองราฟาห์เข้ากับการปล่อยตัวประกัน และสิทธิของอิสราเอลในการที่จะปกป้องตนเองเลย
"อิสราเอลเป็นฝ่ายถูกโจมตี ทำให้ต้องออกมาป้องกันตนเองจากกลุ่มก่อการร้ายซึ่งได้สังหารเด็ก ข่มขืนผู้หญิง และยิงจรวดใส่พลเรือนที่บริสุทธิ์"
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พ.ค. 2567 ศาล ICJ มีคำสั่งให้อิสราเอลยุติการใช้ปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์โดยทันที ด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยของพลเรือนชาวปาเลสไตน์ ซึ่งการตัดสินดังกล่าวเป็นไปตามคำร้องของแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นชาติสมาชิก ICJ
"อิสราเอลจะต้องยุติปฏิบัติการทางทหารและการกระทำใดๆ ในเมืองราฟาห์โดยทันที" คำสั่งของศาลโลกระบุ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ICJ เคยมีคำสั่งออกมาชุดหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นศาลโลกสั่งให้อิสราเอลดำเนินการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา แต่ไม่ได้มีคำสั่งให้อิสราเอลทำการหยุดยิงในฉนวนกาซา ซึ่งหลังจากที่ได้รับคำตัดสินดังกล่าว อิสราเอลก็ออกมาปฏิเสธว่า ปฏิบัติการทางการทหารของอิสราเอลในกาซาไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากนั้นก็เดินหน้าโจมตีหลายพื้นที่ในฉนวนกาซาต่อไป อ้างเป้าหมายเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาสที่อิสราเอลระบุว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่โหดเหี้ยม และเพื่อช่วยเหลือตัวประกันทุกคนที่ถูกฮามาสจับตัวไป
"อิสราเอลจะต้องยุติปฏิบัติการทางทหารและการกระทำใดๆ ในเมืองราฟาห์โดยทันที"
นายบาเซม นาอิม เจ้าหน้าที่ของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ควรดำเนินการเพื่อให้อิสราเอลยุติการสู้รบทั้งหมดในฉนวนกาซา
"เราขานรับการตัดสินใจของศาลโลกที่สั่งให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์ แต่เราเชื่อว่าสิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากการทำสงครามของอิสราเอลทั่วฉนวนกาซา โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนเหนือ ก็มีความโหดร้ายและอันตรายเช่นกัน" นายนาอิมกล่าว
คำวินิจฉัยของ ICJ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของสหประชาชาติ ที่ทำหน้าที่รับพิจารณาข้อขัดเเย้งระหว่างรัฐ แม้จะไม่มีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็สามารถเพิ่มเเรงกดดันทางการทูตต่ออิสราเอล
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศแอฟริกาใต้ยื่นเรื่องต่อศาล ICJ โดยกล่าวหาอิสราเอลว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงเรียกร้องให้เกิดมาตรการเร่งด่วนในราฟาห์เพื่อรักษาชีวิตพลเรือนปาเลสไตน์ แต่ที่ผ่านมาอิสราเอลก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่ได้ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อิสราเอลกล่าวผ่านโฆษกรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ก่อนการอ่านคำพิพากษาของ ICJ ว่า "ไม่มีอำนาจใดบนโลกนี้ ที่จะหยุดอิสราเอลจากการปกป้องประชาชนของตน และจากการตามไปจัดการกลุ่มฮามาสในกาซาได้"
เเม้คำวินิจฉัยของ ICJ จะถือเป็นที่สิ้นสุด แต่ก็เคยถูกเพิกเฉยมาเเล้วในอดีต เพราะศาลไม่มีอำนาจบังคับใช้ให้เกิดผลตามกฎหมาย
นายนาวาฟ ซาลาม ประธานศาล ICJ กล่าวว่า สถานการณ์ในเมืองราฟาห์นั้น อยู่ในขั้น "รุนแรงอย่างยิ่ง" และประชากรในเมืองดังกล่าว ก็อยู่ในสภาพที่ "อ่อนไหวอย่างที่สุด"
ผู้พิพากษาผู้นี้ยังได้แสดงความคลางเเคลงใจและห่วงกังวลเกี่ยวกับการอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่เมืองราฟาห์ของฝ่ายอิสราเอล โดยระบุว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญเสียสูง
ด้านนายเเซน แดนเกอร์ เลขาธิการใหญ่ของหน่วยงานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือนานาชาติของรัฐบาลแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ยื่นขอให้ ICJ พิจารณาในเรื่องนี้ กล่าวผ่านคลิปวิดีโอว่า ประเทศของเขายินดีที่ได้เห็นการวินิจฉัยเช่นนี้ของศาล ICJ
ทั้งนี้ ภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเเรงกดดันหลายด้านทางการทูต เมื่อมีประเทศในยุโรปถึง 3 ประเทศที่ประกาศยอมรับสถานะความเป็นรัฐของปาเลสไตน์
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อวันจันทร์(20 พ.ค.) หัวหน้าอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC) ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังออกมาเผยว่า เขาเสนอให้มีการออกหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายโยอาฟ กัลเเลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และแกนนำกลุ่มฮามาสอีก 3 คน ในโทษฐานที่บุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชนในสงครามอิสราเอล-ฮามาส
ขณะที่เจ้าหน้าที่สูงสุดด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป(อียู) นายโจเซฟ บอร์เรลล์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาสและท่าทีของประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลานี้ว่า
"เราต้องเลือกระหว่างการสนับสนุนอิสราเอล กับการสนับสนุนสถาบันระหว่างประเทศที่ทำงานเพื่อหลักนิติธรรม"