KEY
POINTS
เศรษฐกิจกัมพูชาในปี 2024 กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า GDP กัมพูชาจะขยายตัวถึง 5.6% การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนี้ได้รับแรงหนุนจากภาคการส่งออกที่เติบโตสูงถึง 14.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มสิ่งทอ รองเท้า และอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง คิดเป็น 47% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลักของกัมพูชาด้วยสัดส่วนการส่งออกเกือบ 40% และมีการเติบโตของการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 4% จากปีที่แล้ว
ภาคการท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวเช่นกัน โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 4.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 22.5% เทียบกับปีก่อน โดยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและเวียดนามเป็นกลุ่มหลัก ซึ่งมีอัตราการฟื้นตัวถึง 572% และ 155% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งควรเป็นกลุ่มหลักยังคงฟื้นตัวช้า โดยคิดเป็นเพียง 32% ของจำนวนที่เคยมาเที่ยวก่อนการระบาด โครงสร้างของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงเนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยและเวียดนามที่มีระยะเวลาพำนักสั้นและใช้จ่ายต่อหัวน้อยกว่านักท่องเที่ยวชาวจีน
แม้ตัวเลข GDP และการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมจะแสดงภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น แต่การพัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชายังคงต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนจากจีน
จากข้อมูลของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ในปี 2023 กัมพูชามีเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 4,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง 66% ของการลงทุนทั้งหมดนั้นมาจากนักลงทุนจีน การลงทุนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปยังภาคโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร และการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดีการพึ่งพาทุนจากจีนเป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้เกิดปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวที่สีหนุวิลล์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองหลวงคาสิโนจีน" กลายเป็นพื้นที่ที่มีการก่อสร้างค้างคามากกว่า 500 แห่ง
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ อธิบายว่า จีนได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจกัมพูชาผ่านการลงทุนในภาคโครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ การผลิต การท่องเที่ยว พลังงาน และเกษตรแปรรูป นอกจากนี้การลงทุนของจีนยังมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของกัมพูชาจนเกิดการพึ่งพาสูง โดยเฉพาะในเมืองเสียมราฐซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของจีน เมืองพระตะบองที่เป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารแปรรูป และเมืองกัมปอตที่มีการลงทุนในพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์
อย่างไรก็ดี การลงทุนของจีนแม้จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตแต่ยังส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในกัมพูชายังคงสูง ธนาคารกรุงเทพ เคยประเมินไว้ว่า ประชากรส่วนใหญ่ของกัมพูชาอยู่ในกลุ่มกำลังซื้อต่ำ สัดส่วนสูงถึงกว่า 70% ของประเทศ ทำให้มีกำลังซื้อจำกัดในการบริโภคสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ประชากรกลุ่มรายได้สูงซึ่งมีเพียง 5% ของประชากรทั้งหมด มักมีการเดินทางและบริโภคสินค้าจากต่างประเทศ
สัญญาณอีกอย่างที่ชี้ถึงการเติบโตที่ไม่ยั่งยืนของเศรษฐกิจกัมพูชาคืออัตราหนี้เสีย (NPL) ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่สิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ในเดือนมิถุนายน 2022 โดยตัวเลข NPL เพิ่มจาก 2.5% เป็น 6.8% ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 ธนาคารกลางกัมพูชายังต้องคงมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ไปจนถึงปี 2025 เพื่อพยุงสภาพคล่องของภาคการเงิน และแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่มีสัดส่วนสูง
รายงานจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ในเดือนกันยายน 2024 ชี้ว่าแม้เศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตที่ระดับ 6% ต่อปี แต่ปัจจัยเสี่ยงจากการพึ่งพาทุนจีนยังคงเป็นปัจจัยท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม หากรัฐบาลกัมพูชาสามารถสร้างระบบเศรษฐกิจที่หลากหลายและลดการพึ่งพาต่างประเทศได้มากขึ้น ก็จะสามารถยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนได้ในอนาคต