สงครามรัสเซีย-ยูเครน ดำเนินไปจนเข้าสู่วันที่ 1,000 แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่เต็มใจที่จะเจรจา ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สามารถยุติสงครามได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าอาจพลิกสถานการณ์ได้อย่างไรหรือเป็นผลดีต่อใครก็ตาม
ล่าสุด รัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุด ในรอบหลายเดือนในยูเครน โดยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ฉากหลังนี้ดูเหมือนจะเป็นแรงผลักดันกลยุทธ์ของรัสเซียในยูเครนตะวันออก ทรัมป์อาจพยายามยุติสงครามด้วยการหยุดการส่งอาวุธให้ยูเครน หากทรัมป์ตัดความช่วยเหลือต่อยูเครนและการหยุดยิงส่งผลให้ความขัดแย้งหยุดชะงัก รัสเซียก็ต้องการที่จะยึดครองดินแดนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ปีแรกของสงคราม ยูเครนสูญเสียดินแดนไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ได้รับชัยชนะครั้งสำคัญ เช่นกัน โดยยูเครนต้านทานศัตรูที่มีกำลังทางอากาศเหนือกว่ามากเพื่อให้รอดในฐานะประเทศเอกราช และยึดดินแดนคืนบางส่วนได้ด้วยการโต้กลับอย่างกล้าหาญทำให้ฝ่ายที่ด้อยโอกาสและพันธมิตรที่ร่ำรวยมีความมั่นใจที่จะสู้ต่อไป
ปีที่สอง ซึ่งเป็นช่วงที่ยูเครนสูญเสียดินแดนบัคมุตและไม่สามารถโจมตีตอบโต้ได้ กองทัพต่างๆ ต่อสู้จนหยุดชะงักตลอดแนวรบยาว 1,000 กิโลเมตร (620 ไมล์) เมื่อใกล้สิ้นปีนั้น รัฐสภาสหรัฐฯ ชะลอการอนุมัติแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านอาวุธเศรษฐกิจ และมนุษยธรรม มูลค่า61,000 ล้านดอลลาร์
เมื่อกระสุนของยูเครนลดน้อยลง สถานการณ์ของยูเครนก็แย่ลง เมื่อสงครามเข้าสู่ปีที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เมือง อัฟดิอิฟกา Avdiivka ล่มสลายหลังจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งใช้ระเบิดทำลายล้างสูงจากสมัยโซเวียตที่ติดตั้งระบบนำทางเพิ่มเติม
การพ่ายแพ้ของ Avdiivka ทำให้เกิดช่องโหว่สำคัญในการป้องกันของยูเครน เมื่อรัสเซียบุกโจมตีเมืองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือในเวลาต่อมา กองทหารยูเครนจึงต้องขยายกำลังออกไปอีก
เดือนสิงหาคม ยูเครนเปิดฉากการรุกรานรัสเซียแบบกะทันหัน โดยยึดครองพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรในภูมิภาคเคิร์สก์ และยังคงยึดครองพื้นที่ดังกล่าวอยู่ แม้ว่าอาจเป็นส่วนสำคัญในการเจรจาหยุดยิง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งกองกำลังรัสเซียจากการยึดครองดินแดนเพิ่มเติมทางตะวันออกของยูเครนได้
ตามการประมาณการ ทหารจากทั้งสองประเทศหลายหมื่นนายเสียชีวิตนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นในปี 2565 และ UN ระบุว่าพลเรือนยูเครนอย่างน้อย 11,700 รายเสียชีวิต
แม้ว่าพื้นที่ที่รัสเซียได้มาในปี 2024 ประมาณ 2,455 ตารางกิโลเมตร (948 ตารางไมล์) จะมีค่าเท่ากับไม่ถึง 1% ของพื้นที่ก่อนสงครามของยูเครน แต่ก็ส่งผลกระทบทางจิตวิทยา
สงครามที่บั่นทอนกำลังทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องหาทรัพยากรจากภายนอก
สงครามเดินหน้าต่อไป รัสเซียหันไปขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรอิหร่านส่งโดรนและอาจรวมถึงขีปนาวุธ ให้กับรัสเซีย และเกาหลีเหนือได้ส่งกระสุนและแม้แต่ทหาร ไปให้กับรัสเซีย แล้ว โดยได้ส่งกระสุนเหล่านี้ไปที่เขตเคิร์สก์ของรัสเซีย
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย อ้างว่าในปีนี้มีทหารของเขา 700,000 นายกำลังสู้รบอยู่ในยูเครน นักวิเคราะห์ กล่าวว่า ปูตินต้องการกำลังพลที่มากกว่านี้มากเพื่อเร่งการรุกคืบของรัสเซีย แต่ไม่น่าจะส่งทหารเพิ่มเพราะอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจภายในได้
กัปตันเยฟเฮน คาราส ผู้บัญชาการทหารยูเครนในเคิร์สก์ กล่าวว่า การสู้รบภายในรัสเซียมีความเคลื่อนไหวสูง แต่เชื่อว่าจะมีประสิทธิผลในการเบี่ยงเบนความสนใจและทรัพยากรของรัสเซีย
สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 64,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นเมื่อ 1,000 วันก่อน ทหารกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐฯ
สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญ กำหนดทิศทางต่อไปของสงคราม
สงครามจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไปนั้นจะขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่จะเล่นไพ่ในมืออย่างไร
ทรัมป์ ยกย่องความสัมพันธ์อันดีของเขากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเรียกผู้นำรัสเซียว่าค่อนข้างฉลาดที่รุกรานยูเครน และได้วิพากษ์วิจารณ์การสนับสนุนยูเครนของสหรัฐซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ระหว่างการดีเบตหาเสียงครั้งเดียวกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ทรัมป์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยตรงถึงสองครั้งว่าต้องการให้ยูเครนชนะหรือไม่ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่ายูเครนอาจถูกบังคับให้ยอมรับเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวยในการเจรจาใดๆ ก็ตาม
หากไม่ได้รับการรับประกันความปลอดภัยจากชาติตะวันตก ยูเครนอาจตกเป็นเหยื่อของการรุกรานในอนาคตของรัสเซีย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การหยุดยิงตามสถานการณ์ปัจจุบันในสนามรบจะเป็นบรรทัดฐานอันตราย ซึ่งหมายความว่าพรมแดนของยุโรปอาจถูกยึดครองได้ด้วยการใช้กำลังทหาร ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2