รอยเตอร์รายงานว่า สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกมาตอบโต้ทันควันหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม 10% เมื่อเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม โดยระบุชัดว่า "ไม่มีใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษี"
นายหลิว เผิงหยู โฆษกสถานทูตจีน แถลงว่า "ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นประโยชน์ร่วมกันโดยธรรมชาติ" พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาของทรัมป์ที่อ้างว่าจีนไม่จริงจังในการสกัดกั้นสารตั้งต้นเฟนทานิล
การประกาศมาตรการภาษีครั้งใหม่ของทรัมป์ไม่เพียงมุ่งเป้าที่จีน แต่ยังรวมถึงแคนาดาและเม็กซิโก โดยขู่จะเก็บภาษี 25% จากสินค้านำเข้าทั้งหมดจากสองประเทศ อ้างเหตุผลด้านปัญหาผู้อพยพและยาเสพติด ทั้งที่ขัดกับข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ที่ทรัมป์เองเคยลงนามเมื่อปี 2020
ตลาดการเงินตอบสนองในทิศทางลบต่อการประกาศครั้งนี้ โดยค่าเงินเปโซเม็กซิโกอ่อนค่าลง 2% ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่า 1% ดัชนีนิกเคอิของญี่ปุ่นปรับตัวลง 1% และฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ลดลง 0.3%
จีนย้ำว่าได้ดำเนินมาตรการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังตามข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อปีที่แล้ว โดยล่าสุดในเดือนสิงหาคม จีนประกาศเข้มงวดการควบคุมสารเคมีสามชนิดที่ใช้ผลิตเฟนทานิล หลังการประชุมคณะทำงานร่วมด้านการต่อต้านยาเสพติดระหว่างสองประเทศ
สำหรับแผนภาษีนำเข้าของทรัมป์ในสมัยที่สอง ยังรวมถึงการเก็บภาษีสินค้าทั่วไป 10-20% และภาษีรถยนต์นำเข้าจากเม็กซิโกสูงถึง 200% พร้อมยกเลิกสถานะประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์ทางการค้ามากที่สุดของจีน