แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสดระดับโลกอย่าง Bigo Live ได้ถูกถอดออกจากทั้ง Apple App Store และ Google Play Store โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
หลังจากมีรายงานการสืบสวนที่เปิดเผยการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด โดยเฉพาะประเด็นด้านการละเมิดทางเพศเด็ก
การถอดแอปพลิเคชันครั้งนี้เกิดขึ้นในทันทีหลังจาก The New York Times เผยแพร่รายงานการสืบสวนเชิงลึกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 ที่ชี้ให้เห็นถึงการใช้แพลตฟอร์มในการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก
โดยมีการทำงานร่วมกับศาสตราจารย์ไบรอัน เลวีน จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ แอมเฮิร์สต์ ในการวิเคราะห์และรวบรวมหลักฐาน
ทาง Bigo ได้ออกแถลงการณ์ตอบสนองต่อรายงานดังกล่าว โดยระบุว่าได้ "ดำเนินการที่เหมาะสม" ในกรณีที่ถูกระบุในรายงาน ซึ่งรวมถึงการระงับบัญชีและลบเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์ม พร้อมยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการ "ปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้งาน"
Bigo Live ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดย David Li อดีตนักข่าว และ Jason Hu ผู้มีประสบการณ์ในวงการเทคโนโลยี ภายใต้บริษัท BIGO Technology ที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ต่อมาในปี 2562 บริษัทได้ถูกซื้อกิจการโดย JOYY Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
แพลตฟอร์มนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 350 ล้านคนทั่วโลกในปี 2562 โดยรายได้หลักมาจากระบบของขวัญในแอปที่ผู้ชมสามารถมอบให้ผู้สตรีมเมอร์ที่พวกเขาชื่นชอบ นอกจากนี้ Bigo ยังเป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน Likee ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและแบ่งปันวิดีโอสั้น
Bigo Live มีประวัติการถูกระงับการให้บริการในหลายประเทศ โดยในเดือนกรกฎาคม 2563 รัฐบาลปากีสถานได้สั่งแบนแอปพลิเคชันนี้ชั่วคราว พร้อมออกคำเตือนไปยัง TikTok และ YouTube เกี่ยวกับเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม อนาจาร และหยาบคาย
โดยสำนักงานโทรคมนาคมแห่งปากีสถานแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อเยาวชน อย่างไรก็ตาม การแบนดังกล่าวได้ถูกยกเลิกในเวลาต่อมาหลังจากมีการหารือและได้รับคำมั่นเกี่ยวกับการควบคุมเนื้อหา
ในปี 2564 เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อกรมสอบสวนอาชญากรรม (CID) ของตำรวจบังกลาเทศได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 5 ราย รวมถึงผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ Bigo ซึ่งเป็นชาวจีน ในข้อหาฟอกเงินและแบล็กเมล์
โดยถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายหลายฉบับ ทั้งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พระราชบัญญัติความปลอดภัยดิจิทัล และพระราชบัญญัติป้องกันสื่อลามก
ในช่วงที่ผ่านมา Bigo Live ได้พยายามปรับปรุงภาพลักษณ์และความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม โดยในเดือนธันวาคม 2563 ได้ประกาศความร่วมมือกับ The Trevor Project ซึ่งเป็นองค์กรป้องกันการฆ่าตัวตายและการแทรกแซงวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับเยาวชน LGBTQ
แม้ว่าแอปพลิเคชันจะถูกลบออกจากร้านค้าแอปฯ ทั้งสองแห่งแล้ว แต่ผู้ใช้งานบนระบบ Android ที่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันไว้ก่อนหน้านี้ยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ ขณะที่ยังไม่มีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากทั้ง Apple และ Google เกี่ยวกับสาเหตุของการถอดแอปพลิเคชันในครั้งนี้
การถอดแอปพลิเคชัน Bigo Live ออกจากร้านค้าครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการควบคุมเนื้อหาบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ และความเข้มงวดที่เพิ่มขึ้นของผู้ให้บริการร้านค้าแอปพลิเคชันในการจัดการกับแอปพลิเคชันที่มีปัญหาด้านความปลอดภัยและการละเมิดนโยบาย
ที่มา : The New York Times