จับตาประชุมเฟดส่งท้ายปี 2024 ตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่

18 ธ.ค. 2567 | 02:10 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ธ.ค. 2567 | 02:11 น.

จับตาประชุมเฟดส่งท้ายปี 2024 เกี่ยวกับการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ ก่อนเริ่มวาระของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%

นักลงทุนเตรียมรับข่าวสารเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ โดยข่าวเด่นคือการตัดสินใจ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ โดยตลาดคาดว่า อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และนักลงทุนน่าจะให้ความสนใจกับสิ่งที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ พูดถึงแนวทางข้างหน้าในปี 2568 

การประชุมของเฟดในวันอังคาร (17 ธ.ค.) และวันพุธ (18 ธ.ค.) ที่จะถึงนี้ เป็นการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายก่อนที่ปธน.ไบเดนจะออกจากทำเนียบขาว หรือหมดวาระในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ส่งกุญแจให้กับทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ารัฐบาลทรัมป์จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญ

อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในสัปดาห์นี้จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลักของเฟดลดลง ระหว่าง 4.25-4.50% ซึ่งต่ำกว่าจากช่วงก่อนที่ผู้กำหนดนโยบายจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีนี้

ข้อมูลของ CME Group ระบุว่า ตลาดฟิวเจอร์สคาดการณ์ว่า มีความน่าจะเป็นมากกว่า 95% เมื่อวันศุกร์ (13 ธ.ค.) ว่า เฟดจะ ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ภาพรวมของปีหน้าดูไม่ค่อยแน่นอนมากนัก

ตลาดการเงินมีโอกาสต่ำกว่า 65% ที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.75%ในสิ้นปี 2568 เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%อีกสองครั้งในปีหน้า นอกเหนือจากที่คาดว่าจะปรับลดในวันพุธนี้ 

สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามองคือ รายงานสรุปการคาดการณ์เศรษฐกิจ (SEP) ฉบับล่าสุดของเฟด ซึ่งรวมถึง "dot plot" ที่แสดงการคาดการณ์ของผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต รวมถึงคำวิจารณ์ของพาวเวลล์ระหว่างการแถลงข่าว

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% โดยการสนับสนุนตลาดแรงงานมากขึ้น จากเดิมให้ความสำคัญกับเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวที่ 2% 

เกือบจะเเน่นอนว่าประธานเฟดน่าจะถูกถามถึงแนวทางนโยบายที่อาจมีต่อนโยบายการคลังภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คนใหม่

จนถึงขณะนี้ ประธานและคณะทำงานได้ปัดคำถามเกี่ยวกับผลกระทบจากความคิดริเริ่มของทรัมป์ที่อาจมีต่อนโยบายการเงิน โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเพียงการพูดคุยกันในตอนนี้และสิ่งที่จะกลายเป็นความจริงในภายหลัง

นักเศรษฐศาสตร์บางคนคิดว่าแผนของประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะจัดเก็บภาษีศุลกากร ลดหย่อนภาษี และเนรเทศจำนวนมากอาจทำให้เงินเฟ้อรุนแรงยิ่งขึ้น