วันที่ 12 เมษายน 2568 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Kobsak Pootrakool" ในเรื่องเกี่ยวกับ "สงครามการค้า"ระหว่างสหรัฐ-จีน โดยได้ประเมินเกี่ยวกับผลกระทบของเรื่องนี้ผ่านมุมมองของ WTO หรือ World Trade Organization ซึ่งเนื้อหารายละเอียดข้อความที่โพสต์มีดังต่อไปนี้
ผลกระทบจากสงครามการค้า สหรัฐ - จีน !!!หลังจากฝุ่นเริ่มหายตลบ ถึงเวลาที่มาประเมินว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร ในเรื่องนี้ เลขาธิการของ WTO - World Trade Organization ซึ่งเป็นองค์กรหลักในเรื่อง การค้าโลกและระเบียบการค้าโลก ประเมินไว้ ณ วันที่ 9 เมษายน ตอนที่สหรัฐยังคิดภาษีจีนอยู่ที่ 104% และจีนตอบโต้มาที่ 84% ณ จุดนั้น WTO ประมาณการว่า
1. การค้าระหว่างสองประเทศ จะหายไป 80% จากภาษีที่สูงลิ่ว ซึ่งเมื่อมีการเพิ่มกันอีกรอบมาล่าสุดที่ 145% vs 125% ก็คงหมายความว่า หลังจากนี้ คงจะไม่มีการค้ากันระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในเรื่อง Goods หรือสินค้า
2. การค้าระหว่างสองประเทศ ที่เป็นสินค้า (ไม่นับบริการ) คิดเป็นสัดส่วน 3% การค้าทั้งหมดของโลก โดยเมื่อปี 2024 อยู่ที่ 582.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. สหรัฐส่งไปจีน 143.5 พันล้านดอลลสาร์ สรอ และจีนส่งไปสหรัฐ 438.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ตัวเลข 3% มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะหมายความว่า ที่วุ่นวายปั่นป่วนไปทั่ว ระหว่างพี่ใหญ่ของวงการการค้าโลก เบอร์ 1 (จีน) และ เบอร์ 2 (สหรัฐ) ขัดแย้ง ไม่ยอมคุยกัน ตอบโต้กันไปมา สะเทือนไปทุกหย่อมหญ้า และต่อไปคงไม่มีการค้าต่อกันและกัน เป็นเพียงแค่ 3% ของการค้าโลกเท่านั้น เป็นแค่มุมเดียวของการค้าโลก คนที่เหลือ ค้าขายกันเยอะกว่านี้มาก ที่เป็นข่าวก็เพราะ 2 พี่เขาใหญ่ ทะเลาะกัน ก็เลยดูเหมือนโลกกำลังจะสิ้นสลายไปด้วย
3. ต่อไปจะเกิด Trade Diversion โดยเฉพาะถ้าสองประเทศยังไม่ยอมคุยกันเช่นนี้ ไม่ค้าขายซึ่งกันและกัน สหรัฐต้องหาตลาดใหม่ให้สินค้าตนเอง 143.5 พันล้าน สรอ. จีนต้องหาตลาดใหม่ให้สินค้า 438.9 พันล้าน สรอ.
ในตลาดการค้าโลกที่กว้างขวาง 24 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. น่าจะทำได้ แต่จะกระทบผู้ประกอบการ SME ของไทยเรา ที่อยู่ๆ ก็ต้องมาสู้กับสินค้าจีน สินค้าสหรัฐที่ไม่มีที่ไป รวมทั้งจะเป็นโอกาสให้คนกลาง เชื่อม 2 คนที่ตั้งกำแพงภาษีซึ่งกันและกัน กินส่วนต่าง รับมา แล้วเอาสินค้าแฝงไปในสินค้าของตน ส่งไปให้สองประเทศแทน ซึ่งต่อไป สหรัฐก็ต้องเล่นแมวจับหนู หาทางปิดช่องทางนี้ต่อไป ตามจับโรงงานจีน ที่ย้ายไปประเทศที่ 3 แล้วส่งมาที่สหรัฐ เพื่อก้าวข้ามกำแพงภาษีที่สูงลิ่ว
4. ถ้าเดินไปตามทางนี้ สุดท้าย โลกการค้าก็จะเปลี่ยนเป็น Blocs แบ่งขั้ว แข่งกันหาพวก ค้าขายในกลุ่มพวกเดียวกัน Globalization ก็จะมีรอยแยก
ที่สำคัญ ทั้งสองขั้ว จะพยายามเอาชนะอีกฝั่ง นำไปสู่การแข่งขันในทุกมิติ ที่ไม่ใช่แค่การค้าอย่างเดียว เริ่มจากจุดเล็กๆ ความเข้มแข็งด้านการค้าของกลุ่ม ความเข้มแข็งด้านระบบการชำระเงิน ความเข้มแข็งเรื่องการขนส่ง ความเข้มแข็งด้าน Technology ความเข้มแข็งด้านการทหาร
และเมื่อพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้เชื่อมกัน สามารถขาดจากกันได้ ไม่มีกาวเชื่อม ไม่มี Deterrence ต่อให้ตีกัน พวกฉันก็ไม่สะเทือน เพราะเราอยู่ในขั้วของเรา เป้าหมายถัดไป ก็คือ เอาชนะแบบเบ็ดเสร็จ สามารถนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรง
5. สิ่งที่ WTO กังวลใจก็คือ โลกแบ่งขั้ว เมื่อเทียบกับโลกที่ผสานเป็นเนื้อเดียว จะทำให้โลกแย่ลง เบื้องต้นที่ประเมินไว้ ศักยภาพโลก Global Real GDP จะลดลงไปอย่างน้อย 7% จากการที่ต้องแอบค้าขาย วิจัย 2 ที ไม่แลกเปลี่ยนกัน ตลาดที่เล็กลง แบ่งเป็น 2 ส่วน
6. สุดท้าย สิ่งที่ WTO ไม่ได้พูด แต่คงแอบกังวลใจ WTO เป็นเป้าหมายที่จะถูกบ่อนเซาะ ทำลาย ล่าสุด จีนและอีกหลายประเทศ เอากรณีสหรัฐไปฟ้อง WTO ว่าไม่ยุติธรรม ขณะที่ สหรัฐได้หยุดการส่งเงินให้ WTO ตั้งแต่ปลายมีนาคมที่ผ่านมา สั่งทบทวนว่า WTO เป็นปฏิปักษ์ต่อผลประโยชน์ของชาติของสหรัฐหรือไม่ สหรัฐควรจ่ายเงินให้ WTO ต่อดีไหม
ล่าสุด เมื่อวานนี้ สส พรรครีพับรีกัน Tom Tiffany เสนอว่า สหรัฐควรออกจาก WTO ไปเลย
ถ้าเป็นเช่นนี้ WTO ก็จะเป็นเป็ดง่อย ไม่สามารถเป็นตัวกลางมาไกล่เกลี่ย มาประสานประโยชน์ โลกการค้าก็จะเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ เราคงต้องเตรียมการสำหรับ "โลกการค้ายุคเผชิญหน้า" ตั้งแต่วันนี้ครับ