วันนี้ (16 พ.ย.) ฯพณฯ นายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม เดินทางถึงประเทศไทยและมีกำหนดเข้าพบหารือทวิภาคีกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ ก่อนจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. 2565
ในโอกาสนี้ เรามาเปิดโปรไฟล์ทำความรู้จักท่าน เหวียน ซวน ฟุก กันเป็นการอุ่นเครื่อง ก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคจะเริ่มขึ้น
นายเหงียน ซวน ฟุก เกิดวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 เป็นชาวตำบลเกว๋ฝู่ อำเภอเกว๋เซิง ในจังหวัดกว๋างนาม ซึ่งขณะนั้นถือเป็นเวียดนามเหนือ สมัยวัยเด็กท่านต้องเผชิญกับภาวะสงครามและไม่ได้สุขสบายมากนัก แต่ก็มานะพยายามและสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาเศษฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ ฮานอย (NEU) ในปี 2521 จากนั้นยังศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษา สาขาการจัดการด้านการบริหาร สถาบันการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ (NAPA) ในปี 2522
เมื่ออายุได้ 28 ปี ท่านได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (12 พ.ค.2525) ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2526 ก็ได้รับสถานะเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ
ระหว่างปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2522 เหงียน ซวน ฟุก เป็นหนึ่งในบุคลากรของคณะกรรมการเศรษฐกิจกว๋างนาม - ดานัง และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2536 ก็ได้เลื่อนสถานะขึ้นเป็นลำดับ จนได้เป็นรองหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการประชาชนกว๋างนาม – ดานัง
เส้นทางการเมือง ของท่านต่อจากนั้น สามารถลำดับเป็นไทม์ไลน์ได้ ดังนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเลือก เหงียน ซวน ฟุก เป็นประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 นับเป็น รางวัลที่เขาสมควรได้รับสำหรับผลงานทางเศรษฐกิจและสำหรับการตอบสนองต่อโควิด-19 ของเวียดนามที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เพียงเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู การตอบสนองต่อการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากทั้งในและต่างประเทศ
ในคำกล่าวสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี นายเหงียนซวนฟุก สาบานว่า จะจงรักภักดีต่อชาติ ประชาชน และรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเต็มที่ และจะทำงานอย่างหนักเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจากพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประเทศ และประชาชน พร้อมทั้งระบุว่า เขา “โชคดีและเป็นเกียรติ” อย่างมาก
ทั้งนี้ ตำแหน่งประธานาธิบดี ถือว่าเป็นตัวแทนระดับสูงของประเทศทั้งในด้านกิจการภายในและภายนอก และยังเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพอีกด้วย