*** การทำธุรกิจสีชื่อ เดลต้า มา 42 ปี ของตระกูลตั้งคารวคุณ … จาก Gen 1 สู่ Gen 2 จากแม่สู่ลูก กำไรครึ่งปี 2564 อยู่ที่ 33 ล้านบาท ลูกแสดงวิสัยทัศน์นำองค์กรสู่ยุค 5.0 ประโคมข่าวก่อน IPO แบบโหมกระหน่ำ
ได้โอกาส IPO หรือเสนอขายหุ้นให้ประชาชนตาดำๆ ครั้งแรก ผลลัพธ์คือ “วิไล ตั้งคารวคุณ” กดขายหุ้นเกือบเกลี้ยงพอร์ต เทขายออกไปกว่า 8% หากตีเป็นเงินก็ตกประมาณกว่า 300-400 ล้านบาท
มิหนำซ้ำ ยังมีขบวนการของกลุ่มมาร์เก็ตติ้งดำ ประจำบริษัทที่กระหน่ำโทรชักชวน โทรโน้มน้าว กึ่งล่อให้ไปรับหุ้นที่ถูกกระหน่ำขายออกมา จนราคาวันแรกลดลงไปกว่า 50%
ขอคารวะจริงๆ …สำหรับผลงานชิ้นโบแดงครั้งนี้
ประมวลอีกครั้งสำหรับ ความโหดร้ายของเกมหุ้นบริษัทสีเดลต้า หรือ DPAINT หุ้นที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ถึงสัปดาห์ แต่ราคาหุ้นกลับดิ่งลงเหว จากนาทีแรกที่เปิดซื้อขาย 22.50 บาท จนถึงวันนี้ราคาไหลลงๆ หลุดต่ำกว่า 10 บาทหรือเกือบ 60% มากกว่าราคาที่เสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 7.50 บาท เสียอีก
เกมหุ้นสีเลือดของ DPAINT จะไม่เสียหายในวงกว้าง ตั้งแต่นักลงทุนรายย่อย ยันนักลงทุนรายใหญ่ ถ้าไม่มีมาร์เก็ตติ้งจอมซ่าคนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนี้ ในฐานะแกนนำขายหุ้น และที่ออกมาเชียร์ “ซื้อ” หุ้นตัวนี้ ในลักษณะการันตีราคา ความเสียหายที่เกิดขึ้น
จากข้อมูลสรุปข้อสนเทศของหุ้น DPAINT มีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์รายหนึ่งเป็นผู้รับประกันการจำหน่าย
หัวโจกตัวแสบ ที่เป็นหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้ง นั่งสั่งการให้มาร์เก็ตติ้ง ต่อสายโทรศัพท์ถึงนักลงทุนวีไอพี ช่วยเข้าไปรับหุ้น DPAINT และยังมีเครือข่ายของหัวโจกตัวแสบ เป็น รองซีอีโอ บจ. หนึ่ง ที่หัวโจกตัวแสบเข้าไปปั่นหุ้น ต่อสายตรงถึงคนรู้จัก ให้เก็บหุ้น แถวราคา 16-17 บาท โดยบอกว่าราคาหุ้นจะกลับไปซิลลิ่ง 22.50 บาท มีการรับประกันความเสียหายให้ด้วย ทำให้นักลงทุนเหล่านี้ หลงเชื่อ เข้าไปซื้อหุ้น และถูกบัญชีนอมินีของ “หัวโจกตัวแสบ ป.” นั่งสาดหุ้นขายใส่ลงมา สร้างความเสียหาย ขาดทุนจำนวนมากให้กับนักลงทุน
ขณะที่กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง ได้ส่วนแบ่งกำไรจำนวนมากจากการขายหุ้น และไม่รู้ว่า เกี่ยวกับการขายหุ้นของ “วิไล ตั้งคารวคุณ” ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ขายหุ้นลงมารวดเดียว วันเดียว 20 ล้านหุ้น หรือเกือบ 9% หรือไม่
จุดน่าสังเกต การขายหุ้นของ “วิไล ตั้งคารวคุณ” ซึ่งถือหุ้น 22 ล้านหุ้น หรือเกือบ 10 % ไม่ติด Silent Period แจ้งขายหุ้นผ่าน บล.ฟินันเซียไซรัส ???? สงสัยว่า ระดับ “วิไล” ภรรยา “อาจณรงค์” เจ้าของผู้ถือหุ้นใหญ่ จำเป็นต้องใช้เงินนับหลายร้อยล้านบาท ตั้งแต่วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายหรือไม่ ????
ฝากเรื่องนี้ให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์ขบคิด และตรวจสอบรายการซื้อขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเกณฑ์ 55% เกณฑ์ 75% ใช้ไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ
หากจะแนะนำ เวลา IPO ดิฉันขอให้ล็อกหุ้นเดิมทั้งหมดอย่างน้อย 30-90 วันและทะยอยปลด Silent Period…เป็นรายเดือนก็ได้จะมีคนเจ็บน้อยกว่านี้
ไม่ใช่ เข้าตลาดปั๊บ… ก็ฟาดกันเดือดพล่านทั้งตลาด…
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,729 วันที่ 7 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564