คนยุคปัจจุบันมักจะรู้จักนอสตราดามุสในฐานะผู้เห็นอนาคต และบันทึกคำทำนายเอาไว้ในหนังสือชื่อเซนจูรี่ของเขา แต่ใครเลยจะรู้ว่า มิเชล เดอ นอสตราดามุส เปนหนึ่งในเหล่านักเรียนแพทย์เลื่องลือ เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอาวิยงมาแต่วัย 25 ต่อมาจึง เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมงต์เปลลิเยร์ของฝรั่งเศส นอกจากถนัดรักษาพวกโรคระบาดแล้ว ยังเปนนักปรุงแยมผลไม้กวนชั้นหนึ่ง แถมยังผสมสูตรรักษาความงามผลิตครีมและตำรับยาต่างๆให้แก่สตรีมีสตางค์มามาก
อันที่จริงความเชี่ยวชาญรอบด้านที่หลากหลาย เช่นในกรณีของนอสตราดามุสนี้ นับเป็นคุณสมบัติธรรมดาสามัญที่ผู้รักการศึกษาทั้งหลายในสมัยนั้น ปี 1500 พึงมีกันตั้งแต่ช่วงยุคกลางของยุโรป เรื่อยมาจนถึงปลายปี 1800 เปนสมัยที่ผู้คนมองว่าเส้นทางชีวิตคือกระแสแห่งการสังเคราะห์และบ่มเพาะความรู้ความเข้าใจจะเชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับธาตุและสรรพสิ่งรอบตัวในธรรมชาติแห่งจักรวาฬ
พวกเขาศึกษาวิชาหลายแขนงเพราะเชื่อว่าความรู้ทุกด้านต่างสัมพันธ์และเอื้อคำตอบแก่กันและกัน อันเปนสิ่งที่สมัยนี้เพิ่งจะมาเรียกกันว่า การบูรณาการ และสหวิทยาการนั่นแล
ยุคนั้นเขาส่งลูกคนที่ 7เรียนหมอ เพราะว่าวิทยาศาสตรและศาสนศาสตรยังไม่แยกจากกัน(ดังได้เล่าเรื่องอำนาจประหลาดของลูกคนที่ 7 ไว้แล้วในตอนก่อน)
เรื่องแหวนใส่นิ้วนางก็เหมือนกัน ฝรั่งเชื่อว่านิ้วนางข้างซ้ายนั้นเป็นนิ้วหมอ เวลากวนยาใช้นิ้วนี้กวน เนื่องจากมีเส้นประสาทพิเศษโยงไปหัวใจ ใครเอายาพิษมาแอบใส่ปะปน หรือปฏิกิริยาสารในหม้อกวนทำกันส่งพิษ หมอกวนแล้วนิ้วนางโดนพิษ ก็จะกระตุกเฮือกหนึ่งทีด้วยพิษวาบเข้าหัวใน เปนเครื่องบ่งบอกว่ามีความผิดปกติในยา ต้องเอาเททิ้งไป เดี๋ยวคนไข้กินไปนอกจากไม่หายแล้วยังตายสูญ
ก็ด้วยเหตุที่นิ้วนางซ้ายมันเชื่อมไปได้ถึงหัวใจนี้แลเวลาใส่แหวนหมั้นแหวนแต่งตกรักกัน ก็เลยให้มันสวมสอดอยู่ซะที่นั้น ได้ผูกสายใยรักกันเเน่นเหนียว ลืมภพลืมโลกกันไป
ต่อจากนิ้วก็มามือ มันมีมือเครื่องลาง (ใช้ ล.ลิงเพราะมันไม่ได้เเช่_ได้วางใน ‘ราง’ อย่างเรา) ชนิดนึงของโจร เรียกว่า Hand of Glory นิยมตัดมาจากมืออาชญากรได้มาแล้วเอาไปทำเชิงเทียนให้สัปเหร่อไว้ใช้สักพักหนึ่ง จะขลังดี ขโมยขโจรที่พกมือศพแห้งๆนี้ยามออกปฏิบัติการจะปล้นลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ได้ง่าย ช่วยให้สะเดาะกลอนสะดวกและเจ้าบ้านหลับลึก ของไทยไม่นิยมมือผี ใช้ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพแทนเป่าคาถาคนหลับแล้วก็ทำสิ่งที่เรียกว่าดูลาดเลา
จากนั้นจึงหาทางวางสายไว้ในบ้าน เลือกเอาข้าทาสที่ขี้ริษยาเจ้านาย หรือพวกลูกสะใภ้ที่แม่ยายใช้งานอย่างขี้ข้า พวกนี้เหมาะนักจะเปนสายโจร เล็งตัวได้แล้ว ก็นัดออกมาเจรจากันที่ตลาด สบช่องร่องประตูวันเดือนมืด ก็นัดแนะให้ปลดกลอนประตูหน้าต่างรอท่าไว้
ได้เวลาก็ค่อยตัดช่องย่องเบาๆด้วยฝีเท้า ‘ตีนแมว’ ไปหยิบจับลักเอาซี่ซึ่งทรัพย์ในบ้านเยอะแยะ! เสียเวล่ำเวลาทำมือผีบ้าๆบอๆติดเชิงเทียน!
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,729 วันที่ 7 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564